นับถอยหลังศึกยูโร 2020 จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเราจะมาเริ่มวิเคราะห์กันที่กลุ่ม เอ ว่าแต่ละทีมในสายนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน

อิตาลี

ไม่มีข้ออ้างใดๆ สำหรับทีมชาติอิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชีนี หลังจากที่พวกเขาล้มเหลวมาหลายปี และ ในครั้งนี้ อัซซูรี ก็ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมวางที่จะเป็นแชมป์ยูโร 2020 แต่ในการสู้กับทีมในกลุ่ม เอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขามีโอกาสสูงที่เข้ารอบต่อไป

อายุเฉลี่ยของอิตาลี นั้นค่อนข้าวน้อย และมันชีนี ก็ได้คุมทีมอย่างเต็มตัวโดยที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างแท้จริง โดยตอนนี้ตัวเก๋าในทีมมีเพียงแค่ คิเอลลินี และ โบนุชชี เท่านั้น และเบื้องหลังของทีมคือการผสมผสาน ระหว่างนักเตะมากพรสวรรค์ และดาวรุ่งที่เพิ่งได้โอกาสมาติดทีมชาติได้ไม่นาน

แน่นอนว่าตุรกี น่าจะเป็นก้างชิ้นที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ อิตาลี ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามทั้งเวลส์ และ สวิตเซอร์แลนด์ ได้ เพราะที่ผ่านมา พวกเขาก็สร้างปัญหาให้อิตาลีได้อยู่บ่อยครั้ง

สิ่งเดียวที่คาดเดาไมได้ คือ หากพวกเขาผ่านเขารอบน็อคเอาท์ นักเตะที่ไร้ประสบการณ์หลายคนจะเป็นอย่างไรบ้าง งานของมันชีนีคือเกมสำคัญ ในรอบน็อคเอาท์ หลังจากที่ผ่านมาพวกเขาต้องเผชิญกับความผิดหวัง เป้าหมายขั้นต่ำของอิตาลี ครึ่งนี้คือผ่านรอบแบ่งกลุ่ม แน่นอนว่ามันอาจจะน้อยไปสำหรับทีมที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นชาติที่ดีที่สุดในโลก

ด้วยคุณภาพของทีมที่แข่งขันในยูโร 2020 เชื่อว่าอิตาลีมีโอกาสดีที่จะเข้ารอบรองชนะเลิศ ลองนึกภาพแล้ว ทัวร์นาเมนต์นี้ อีกสามทีมก็น่าจะเป็นฝรั่งเศส, เบลเยียม และ อังกฤษ ที่เข้าถึงรอบตัดเชือก

เวลส์

เวลส์ อยูในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ในรอบคัดเลือก หลังจากที่พวกเขาแพ้แค่สองนัดจาก 15 นัดหลังสุด โรเบิร์ต เพจต เป็นผู้จัดการทีมที่คนหนึ่ง และทำงานร่วมกับนักเตะหลายคนมานานหลายปี และประสบการณ์ของเขาน่าจะทำให้ทีมรวมกันเป็นหนึ่ง และมีความสนุกภายในทีม

สภาพร่างกายของ เบน เดวีส์ และ โจ อัลเลน ยังไม่แน่นอน แต่ทีมก็ฟิตสมบูรณ์ และพร้อมสร้างประวัติศาสตร์ เหมือนที่พวกเขาทำในยูโร 2016 แต่ เวลส์ จะต้องผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ก่อน

กลุ่มนี้ค่อยข้างแข็งแกร่ง และเกมแรก ถือว่าสำคัญมาก ถ้าหากพวกเขาชนะสวิตเซอร์แลนด์ในเกมแรกได้ มันจะทำให้ทีมมีโอกาสพอสมควร และดูว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน หากทะลุถึงรอบน็อคเอาท์ โดย ตุรกี และ อิตาลี ถือเป็นตัวเต็ง แต่ทีมอันดับ 3 ก็ยังมีโอกาสที่จะเข้ารอบ ดังนั้นเกมแรกจึงมีความสำคัญมาก โดยนักเตะกลุ่มนี้มีความมั่นใจอย่างมากในความสามารถของพวกเขา ที่มีหลายคนที่ทำได้ดี และอยู่ในชุดเมื่อห้าปีก่อน พวกเขาจำเป็นต้องเข้ารอบแบ่งกลุ่มอย่างแน่นอน แต่การผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ เพราะเมื่อมองในแง่ของขนาดทีม พวกเขาเป็นประเทศเล็กๆ และจำเป็นต้องเพิ่มขนาดของขุมกำลัง เพราะหลายทีมต่างมีตัวเลือกเยอะกว่า และทำให้พวกเขาเสียเปรียบ

ตุรกี

ตุรกีมีโอกาสที่จะเป็นม้ามืดในยูโร 2020 ครั้งนี้ แม้จะถูกมองว่าเป็นทีมรองบ่อน มันอาจจะมากเกินไป แต่ทีมหลายครั้งที่ทีมที่ไม่ถูกคาดหวังจะทำผลงานได้ดี

โดย เซนอล กูเนส เคยพาทีม คว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2002 มาแล้ว และตอนนี้เขาก็กลับมาคุมทีมอีกครั้งละก็ทำได้ดีในการเจอกับฝรั่งเศศ ที่เป็นแชมป์โลกในรอบคัดเลือก

รากฐานของตุรกี ก็คือเกมรับ ถ้าคุณเคยดูทีมชุดนี้มาก่อน เกมรับอาจจะไม่ใช่จุดเด่น แต่ตุรกีโฉมใหม่ มีแนวรับทีแข็งแกร่ง กองกลางที่พร้อมจะทำงานหนักและสร้างอันตรายให้คู่ต่อสู้ และมีนักเตะที่อายุมากกว่า 30 ปี เพียงคนเดียวที่คาดว่าจะได้โอกาสเป็นตัวจริงในทัวร์นาเมนต์นี้ ดังนั้นรากฐานของทีมคือนักเตะอายุน้อย และเป็นไปได้ว่า อาจจะสร้างอะไรพิเศษขึ้นมา และต้องจับตาพวกเขาให้ดี

ตุรกี เป็นทีมที่ทำผลงานในรอบน็อคเอาท์ได้ดีเสมอ มันยากที่ใครก็แล้วแต่พวกเขา พวกเขาอาจจะไม่ได้มีความเจ้าเล่ห์ แต่ทีมนี้มีการจัดการที่ดี และสามารถครองบอลได้ดี

บูรัค ยิลมาซ กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งที่ลีลล์ ในฤดูกาลที่ผ่านมา และเขาก็มีสถิติกสนทำประตูที่ดีทั้งกับสโมสร และทีมชาติ แต่การขาดตัวเลือกสำรอง ถือเป็นน่ากังวล หากทีมฝากความหวังไว้ที่คนเดียวๆ โดยไม่เด็ดของพวกเขาคือลูกตั้งเตะและการโต้กลับ และทำให้ทีมมีความสมดุล โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่ง เราเชื่อว่าตุรกีมีแนวรับที่ดี และมีโอกาสดีที่จะเข้าไปถึงรอบตัดเชือก

สวิตเซอร์แลนด์

สวิตเซอร์แลนด์มีส่วนผสมทั้งหมดที่จะไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์นี้ แม้จะอยู่ในสายที่หนัก อย่าง อิตาลี, เวลส์ และ ตุรกี ต่ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน และ มันก็เป็นครั้งแรกกับตั้งแต่ปี 1954

สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถแข่งขันกับประเทศใดก็ได้ ตัวอย่างหนึ่งก็คือการชนะแบบสุดระทึกเหนือเบลเยียม 5-2 ในศึกยูฟ่า เนชันส์ลีก เมื่อปี 2019 นอกจากนี้พวกเขายังเสมอกับบราซิล ในปี 2018 และเคยเอาชนะสเปนในฟุตบอลโลก 2010 พวกเขายังสู้กับอาร์เจนตินาได้ถึงช่วงต่อเวลาพิเศษในฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014

โดยพวกเขามีกำลังหลักอย่าง เซอร์ดาน ชากีรี, กรานิต ชาก้า และ ฮาริส เซเฟโรวิช หวังว่าพวกเขาจะแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อให้สวิตเซอร์แลนด์ ไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์นี้

ทีมพวกเขามีกลุ่มที่ค่อนข้างสมดุล แข็งแกร่งที่สุดในทุกยุคสมัยของสวิตเซอร์แลนด์ ตลอดประวัติศษสตร์ และทั้งสี่ทีมในกลุ่มนี้ เชื่อว่าทุกทีมสามารถชนะกันได้ สวิตเซอร์แลนด์ เองก็มีโอกาสเป็นแชมป์กลุ่ม แต่อย่างน้อยพวกเขาควรผ่านเข้ารอบเป็นรองแชมป์กลุ่ม แน่นอนว่าอันดับ 3 ก็อาจจะได้เข้ารอบด้วย แต่ สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ควรคิดถึงตรงนั้น

เราเชื่อว่าพวกเขามีโอกาสไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในครั้งนี้ บางทีพวกเขาอาจจะยืดถึงเสมอไก่อน พวกเขาไม่พอใจกับการเสมอโปแลนด์ และสวีเดน ซึ่งเป็นสองทีมที่คล้ายกัน ในช่วงท้ายของการแข่งขันก่อนหน้านี้ แต่เราเชื่อว่าทีมมีพัฒนาการขึ้น และได้เรียนรู้จากการพ่ายแพ้แบบเจ็บปวด ในความเห็นของเรา สวิตเซอร์แลนด์จะเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโร 2020