ติดต่อเรา
TH Ufabet TH Joker Free Spins Slotxo 3388 Reload 8%
วิเคราะห์การแข่งขัน : ยูโร 2020 กลุ่มบี วิเคราะห์ผลการแข่งขัน

วิเคราะห์ผลการแข่งขัน

วิเคราะห์การแข่งขัน : ยูโร 2020 กลุ่มบี

กลุ่ม บี ที่มี 4 ทีม ใครจะรุ่ง ใครจะร่วง และไปได้ไกลแค่ไหนในปีนี้

วิเคราะห์การแข่งขัน : ยูโร 2020 กลุ่มบี

นับถอยหลังศึกยูโร 2020 จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเราจะมาวิเคราะห์ต่อกันที่กลุ่ม บี ว่าแต่ละทีมในสายนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน

รัสเซีย

มีความเชื่อมั่นมากมายในเหล่าแฟนบอลชาวรัสเซ๊ย หลังจากที่ทีมชาติประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในรายการใหญ่ หลังพวกเขาเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 และเอาชนะทีมชาติสเปน อดีตแชมป์โลกได้ โดยเป้าหมายของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์นี้ก็คือการเข้าได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ อีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลคาดหวัง

ความเป็นจริง, การเข้ารอบ และกัดไม่ปล่อย คือสิ่งที่หลายไปในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่พวกเขาไม่ชนะใครเลยตลอด 6 เกม ในช่วงปลายปี 2020 และเสียไปถึง 11 ประตู และยิงได้แค่ 4 ประตู แสดงให้เห็นถึงปัญหามากมายของรัสเซีย

หากสตานิสลาฟ เซอร์เชซอฟ สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็มีโอกาสที่จะเก็บแต้มและเข้าถึงรอบน็อคเอาท์ โดยมีโอกาสเล็กน้อยที่จะไปได้ไกลว่าที่แฟนบอลคาดหวัง อย่างการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

การต้องเล่นเกมที่สำคัญที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม กับเดนมาร์ก ที่โคเปนเฮเก้น และมีโอกาสที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบไปและเจอทีมอันดับ 1 จากกลุ่มอื่นอย่างเยอรมัน, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส หรือ สเปน ย่อมทำให้ยากจะมองโลกในแง่ดี พูดตามตรง แล้ว สถานการณ์ในช่วงซัมเมอร์ของรัสเซีย เราคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะรอดในการเจอกับ เบลเยียม ทัพหมีเขา เสียไปถึง 7 ประตูในการเจอกับทีมอันดับ 1 ในฟีฟ่า แรงกิ้ง ในรอบคัดเลือกของยูโร เมื่อปี 2019 ฟินแลนด์ คือทีมที่พวกเขาน่าจะชนะได้ และอาจจะเป็นแค่เกมเดียวที่จะทำให้รัสเซีย สามารถเก็บสามแต้มได้ โดยเกมกับ เดนมาร์ก ในโคเปนเฮเก้น จะเป็นบททดสอบอย่างดี ในแง่ของแท็คติก ทั้งสองทีมต่างถือว่ามีของ แต่ดูเหมือนว่าเดนมาร์ก จะได้เปรียบเรื่องร่างกายมากกว่า รวมถึงคุณภาพในการครองบอล ซึ่งจะทำให้พวกเขามีความได้เปรียบ

ไม่แน่ใจว่าสามคะแนนที่รัสเซียจะเก็บได้นั้น จะรับประกันการเข้ารอบน็อคเอาท์ แต่หากได้สักสี่ พวกเขาอาจจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ไปเจอกับทีมใหญ่ของทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแน่นอน

เบลเยียม

เยบเยียมอยู่อันดับ 66 ในการจัดอันดับเมื่อปี 2009 และหกปีต่อมา เขากลายเป็นทีมเบอร์หนึ่งของโลก และทีมก็ถูกพูดถึงว่าเป็นยุคทอง หลังมีนักเตะอย่าง แวงซองต์ กอมปานี, โธมัส แฟร์มาเลย และ เอเด็น อาซาร์ ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และพวกเขาเดินหน้าอย่างรวดเร็ว และคว้าชัยชนะในรายการใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มาร์ต วิลมอตส์ ที่ได้ตั๋วทองเข้ามาคุมทีมในปี 2012 แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จในการนำนักเตะดังๆมารวมกัน ตลอด 4 ปีที่เขาคุมทีม และต้องตกงานไปหลังตกรอบยูโร 2016 ก่อนที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ จะเข้ามาคุมทีมแทน และเขาได้สร้างแคมป์ที่มีความสุข และเหนียวแน่นมากขึ้น และเบลเยียมก็เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย ภายใต้การคุมทีมของเขา และมไต้องสงสัยเลยว่านั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

กอมปานี, มุสซา เดมเบเล่ และ มารูยาน เฟลไลนี ต่างก็จากลาไปอย่างสวยงาม ขณะที่ โรเมลู ลูกากู, ยูริ ตีเลอม็อง และยานนิค การ์ราสโก้ ตอนนี้ก็ดีกว่าเมื่อปี 2018 อย่างมาก

พวกเขากลายเป็นทีมที่มีประสบการณ์ และมีความเก๋าพอตัว โดยเฉพาะในแนวรับก่อนฟุตบอลโลกที่ผ่านมา กูรูต่างคาดการณ์ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะประบความสำเร็จ และพวกเขาก็ต้องพูดคำนั้นอีกในสามปีต่อมา ว่าเบลเบีบมจะสามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และแน่นอนว่าอาจจะไปได้จนสุดท้าย พวกเขามีนักเตะที่กำลังพีคหลายคน และสปิริตในทีมที่สูง และพัฒนาตลอดเวลา พวกเขาสามารถชนะได้ทุกทีม หากพวกเขารักษามาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม มันเป็นรายชื่อเก่า และการบาดเจ็บของตัวหลัก อาจจะทำให้การเป็นแชมป์ยากขึ้น เมื่อการแข่งขันมาถึง พวกเขายังต้องลุ้นทั้ง อเซล วิตเซล และ เอเด็น อาซาร์ ให้ฟิตสมบูรณ์

มาร์ติเนซ ก็คงเหมือนกับกอมปานี ที่รัสเซีย พวกเขาอาจจะสร้างยุคทองต่อเนื่อง แต่มันก็อาจจะต้องใช้เวลา ด้วยทีมที่แข็งแกร่งทั้ง เดอ บรอยน์ และ ดีเลอมองส์ น่าจะเพียงพอที่จะคุมแดนกลางให้พวกเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และ บิ๊กรอมก็มีโอกาสพาพวกเขาไปที่นั่นได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนรอบรองชนะเลิศน่าจะเป็นจุดที่เซฟที่สุดของพวกเขา

เดนมาร์ก

เดนมาร์ก เติมไปด้วยความตื่นเต้นก่อนยูโร 2020 เนื่องจากทีมของพวกเขาไม่ได้ดูแข็งแกร่งแบบนี้มานานแล้ว โดยเริ่มที่แคสเปอร์ ชไมเคิลของเลสเตอร์ และ 11 ตัวจริงที่มาจากทั้ง บาเลนเซีย, เชลซี, เอซี มิลาน, อตาลันต้า, ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส, ดอร์ทมุนด์, อินเตอร์, บาร์เซโลนา, นีซ และ อาร์เบ ไลป์ซิก

แคสเปอร์ ฮยูลมันด์ วัน 49 ปี เข้ามาเป็นโค้ชทีมชาติในปีที่ผ่านมา เขาเป็นโค้ชสมัยใหม่ที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก เขาได้พยายามทำให้เกมรับแข็งแกร่ง โดย อาเก ฮาไรด์ ซึ่งเป็นไอดอลของเขา ได้พยายามเน้นเรื่องการกดดัน และครองบอลมากขึ้น

สุด้ทายเดนมาร์กได้เปรียบที่จะได้เล่นในบ้าน ในเกมกับ ฟินแลนด์, เบลเยียม และ รัสซีย ซึ่งทั้งหมดจะเล่นทีปาร์เก้น ในโคเปนเฮเกน ดังนั้นทีมจึงคาดว่าพวกเขาจะผ่านรอบแบ่งกลุ่ม หากพวกเขาไม่ได้เล่นในบ้านตัวเองอาจจะไม่มีโอกาส พวกเขาอาจจะไปได้ไกลอาจจะเป็นรองรองชนะเลิศที่เวมบลีย์ ที่พวกเขาเอาชนะ อังกฤษ 1-0 ในเนชันส์ ลีก เมื่อแปดเดือนก่อน

เดนมาร์ก จะได้เล่นทั้งสามเกมในรอบแบ่งกลุ่มที่ปาร์เก้น ในโคเปนเฮเกน ซึ่งอาจจะมีความสำคัญเรื่องจากรัสเซีย เจ้าภาพร่วมในกลุ่มบีต้องเดินทางมาเยือนที่เดนมาร์ก

เกมนัดเปิดสนามกับ ฟินแลนด์ ดูน่าจะได้สามแต้ม เพราะฟินแลนด์ เพิ่งได้เล่นรอบสุดท้ายรายการนี้ครั้งแรก ในขณะที่เบลเยียม เป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์กลุ่ม และคว้าแชมป์ เดนมาร์แพ้พวกเขาในเกมเนชันส์ลีกเมื่อปีก่อนทั้งสองนัด ดังนั้น เกมสำคัญคือเกมสุดท้ายที่จะเจอกับ รัสเซีย ที่ปาร์เก้น

ฟินแลนด์

ฟินแลนด์ ต้องใช้เวลา 80 ปี ในการเข้าแข่งขันรอบสุดท้ายของรายการนี้ ผลที่ได้คือพวกเขาต้องอดใจรออีก 1 ปี เพราะยูโร 2020 ต้องถูกเลื่อนออกมา แผนการที่ยิ่งใหญ่ของแฟนบอลจากฟินแลนด์ ได้แสดงให้เห็นแล้ว พวกเขาเดินทางไปกับทีมทั่วยุโรป มาตลอดหลายปีและความต้องการบัตรเข้าชมของพวกเขามีมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาสามารถเดินทางไปโคเปนเฮเกน และ เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จาก เฮลซิงกิได้ง่าย

แต่โควิดก็ทำลายพวกเขาในการจำกัดการเข้าชมเกมในสนาม และแฟนๆ หลายพันคนได้รับอีเมลจากยูฟ่า เพื่อแจ้งว่าตั๋วที่ซื้อของพวกเขาถูกยกเลิก ดังนั้น ฟินแลนด์ จะไม่ได้ตามไปให้กำลังใจติดขอบสนาม และทำให้นักเตะเสียเปรียบลงไปเล็กน้อย

ฟินแลนด์ แทบไม่มีโอกาสที่จะเข้ารอบต่อไปเลย เพราะกลุ่มบีสำหรับพวกเขาถือว่าหนักมาก เดนมาร์กได้เปรียบเพราะได้เล่นในบ้าน และมีสถิติที่ดี รัสเซีย ก็ได้เล่นในบ้าน และสร้างปัญหากับ ฟินแลนด์ ได้เสมอ และเบลเยียมก็เป็นเบอร์หนึ่งในตารางฟีฟ่า แต่ชาวฟินน์ ก็คงอยากให้ทีมรักของพวกเขาเข้ารอบน็อคเอาท์ มันยากที่จะเกิดขึ้น เรามองโลกในแง่ร้ายเกินไปไหม แต่ต้องพูดตามตรง การเสมอถือว่าเป็นโบนัส และหากชนะได้ ก็เหมือนกับพวกเขาเป็นแชมป์ และหากผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ คนทั้งประเทศคงจะฉลองกันหนักแน่นอน

ยูโร-2020

อ่านเพิ่มเติมใน วิเคราะห์ผลการแข่งขัน