ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน พบ บาเยิร์น มิวนิค, 6 มิถุนายน 2563

ศึกบุนเดสลีกา คู่บิ๊กแมตช์ ประจำสัปดาห์นี้ ทุกสายตาจะต้องจับจ้องไปที่ ไบ อารีนา ในวันเสาร์ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ที่มีลุ้นท็อปโฟร์ จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ จ่าฝูง บาเยิร์น มิวนิค

เลเวอร์คูเซน ปัจจุบันอยู่อันดับ 5 ของตารางคะแนน โดยมีแต้มเท่ากับ โบรุสเซีย มีนเชนกลัดบัต ทีมอันดับ 4 ในขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค มีแต้มนำอันดับ 2 อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่ถึง 7 คะแนน

ฟอร์มในช่วงหลัง เลเวอร์คูเซน เก็บชัยชนะได้ถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุดนับตั้งแต่บุนเดสลีกากลับมาแข่งขันอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยเกมล่าสุดได้บุกไปชนะ ไฟร์บวร์ก 1-0 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ทีมของ ปีเตอร์ บอสซ์ ซัดไป 7 ประตู ในเกมที่เจอกับ แวร์เดอร์ เบรเมน และ โบรุสเซีย มีนเชนกลัดบัค เมื่อเดือนก่อน แต่พอกลับไปเล่นในบ้านของตัวเองอีกครั้ง พวกเขากลับพ่ายต่อโวล์ฟบวร์กไป 1-4 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม และทำให้สถิติไม่แพ้ใครต้องหยุดลงที่ 7 นัด

จากที่กล่าวมา ทำให้เลเวอร์คูเซน มีแต้มตามหลังทีมที่อยู่เหนือพวกเขาไม่มากนัก โดยตามหลัง อาร์เบ ไลป์ซิก อันดับ 3 อยู่ 2 คะแนน และตามหลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อันดับ 2 อยู่แค่ 4 คะแนนเท่านั้น

แต่มันยากมากที่ ห้างขายยาจะลุ้นแชมป์ลีกในปีนี้ แต่หากพวกเขาเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในสุดสัปดาห์นี้ได้ อาจจะทำให้เขาสามารถจบในอันดับ 2 ของตารางคะแนนเลยทีเดียว

โดยนักเตะที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ก็คือ ไค ฮาเวิร์ตซ์ จอมทัพวัย 20 ปี ที่ยิงไปแล้ว 6 ประตู ใน 4 เกมหลังสุดของบุนเดสลีกา และมีรายงานว่า ช่วงก่อนเกม บาเยิร์น มิวนิค อาจจะพูดคุยกับ เลเวอร์คูเซน เกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอ เพื่อขอซื้อตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

ขณะเดียวกัน ฟอร์มของ บาเยิร์น มิวนิค ถือว่าสมบูรณ์แบบมาก หลังคว้าชัยชนะได้ทั้ง 4 นัด ตั้งแต่กลับมาแข่งขันอีกครั้ง รวมถึงเกมสำคัญ ที่พวกเขาเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1-0 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้รักษาตำแหน่งจ่าฝูงได้แบบเหนียวแหน่น

นอกจากนี้ แชมป์เก่ายังเอาชนะ ยูเนียน เบอร์ลิน, ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต และ ฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และการเก็บชัยชนะในวันเสาร์ที่จะทำให้โอกาสที่ ทีมของ ฮันซี ฟลิค จะคว้าชัยชนะในบุนเดสลีกา เป็นนัดที่ 8 ติดต่อกัน โดยครั้งสุดท้ายที่จ่าฝูงบุนเดสลีกา พ่ายแพ้นั้น ต้องย้อนไปถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม เลยทีเดียว ทำให้รู้กันนี้ว่า นี่เป็นงานใหญ่ สำหรับ เลเวอร์คูเซน ในการเปิด ไบอารีนา รับการมาเยือนในเกมนี้ เพราะแชมป์เก่ากำลังนำโด่งเป็นจ่าฝูง และแม้พวกเขาจะต้องมีเกมที่หนักต่อเนื่องในสัปดาห์ต่อไป ที่จะต้องพบกับ โบรุสเซีย มีนเชนกลัดบัค แต่หากไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็อาจจะไปสร้างความมั่นใจให้กับ ดอร์ทมุนด์ และทีมอื่นๆ

โดยเกมแรกที่ อลิอันซ์ อารีนา เป็น เลเวอร์คูเซน ที่ชนะไป 2-1 เมื่อช่วงต้นฤดูกาล นอกจากนี้ การเจอกันที่ ไบ อารีนา ครั้งก่อน พวกเขายังเอาชนะ บาเยิร์น ไป 3-1

ความพร้อมของทั้ง 2 ทีม

ฮาเวิร์ตซ์ ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายเกม นัดที่เลเวอร์คูเซนเจอกับ ไฟร์บวร์ก แต่มีการยืนยันแล้วว่า กองกลางชาวเยอรมัน น่าจะฟิตสมบูรณ์ พอสำหรับทีมเจ้าบ้าน

และคาดว่าดาวรุ่งวัย 20 ปี น่าจะนำทัพมาพร้อมกับ เควิน โฟลลันด์ และ ลูคัส อลาริโอ และสภาพทีมโดยรวมก็กำลังอยู่ในสภาพที่ดี แต่ยังไม่แน่ใจในส่วนของ ลาร์ส เบนเดอร์

โดย บอสซ์ จะต้องตัดสินใจมากมายเกี่ยวกับ ตัวของ มุสซา ดิอาบี้, เคเรม เดมิร์บาย และ คาริม เบลลาราบี้ โดยทั้งหมด ต่างเป็นตัวสำรองในเกมไฟร์บวร์ก ซึ่งหมายความว่า ตัวจริงเกมนี้น่าจะยังเป็น เลออน ไบลีย์ และ นาเดียม อมิ

โดยดิอาบี้, เดมิร์บาย และ เบลลาราบี ก็น่าจะได้เป็นตัวจริงในการพบกับ บาเยิร์น และคนที่หลุดไปน่าจะเป็น เอ็ดมอนด์ แท็ปโซบ้า เพื่อเน้นเกมรับมากขึ้น

ขณะที่บาเยิร์น ตัวที่ยิมมาอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ ยังคงมีอาการบาดเจ็บต้องพักไปก่อน ขณะที่ นิคลาส ซูเล่ และ โครอนแตง โตริสโซ น่าจะยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาน่าจะได้ ติอาโก้ กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง และน่าจะแทนที่ของ ลีออน โกเรตซ์ก้า ในตำแหน่งกองกลาง เช่นเดียวกับ เยโรม บัวเต็ง ที่น่าจะได้กลับมาเป็นตัวจริง

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเซิร์จ กนาบรี, โธมัส มุลเลอร์, คิงส์ลีย์ โคม็อง และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่น่าจะพร้อมสำหรับเกมรุก

คาดการณ์ 11 ตัวจริง ของ เลเวอร์คูเซน

ฮราเด็คสกี้ – ไวเซอร์, ส.เบนเดอร์, แท็ปโซบ้า, ซิงค์กราเวน – อรานกูอิซ, เดมิร์บาย – เบลลาราบี, อมิรี, ดิอาบี้ – ฮาเวิร์ตซ์

คาดการณ์ 11 ตัวจริง ของ บาเยิร์น มิวนิค

นอยเออร์ – ปาวาร์, บัวเต็ง, อลาบ้า, เดวีส์ – คิมมิช, ติอาโก้ – กนาบรี, มุลเลอร์, โคม็อง – เลวานดอฟสกี้

ผลที่คาดการณ์ – ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน 1-2 บาเยิร์น มิวนิค

เลเวอร์คูเซน ชนะ 2 และแพ้เพียงครั้งเดียว จากการเล่นในบ้านพบกับบาเยิร์น 6 ครั้งหลังสุด และ 2 ครั้งหลังสุดที่ทั้ง 2 ทีมพบกัน บาเยิร์น ก็แพ้มาตลอด ไม่มีใครกล้าคิดว่าทีมของบอสซ์จะชนะได้ แต่เราแค่เชื่อว่า ว่าที่แชมป์ น่าจะสามารถเก็บ 3 คะแนน ได้อีกครั้ง

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ แฮร์ธา เบอร์ลิน, 6 มิถุนายน 2563

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กำลังต้องการไล่ล่าจ่าฝูง อย่าง บาเยิร์น มิวนิค อย่างต่อเนื่อง และต้องเปิดรัง ซิกนัล เอดูนา พาร์ค รับการมาเยือนของ แฮร์ธา เบอร์ลิน ในวันเสาร์นี้

สถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของ ลูเซียง ฟาฟร์ อยู่อันดับ 2 ของตารางคะแนน โดยมีแต้มตามหลังบาเยิร์น อยู่ 7 แต้ม ขณะที่ แฮร์ธา อยู่อันดับ 9 มี 38 คะแนน จาก 29 นัด

ถือเป็นสิ่งที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรบดอร์ทมุนด์ ที่ชนะ 7 จาก 8 นัดหลังสุดของบุนเดสลีกา แต่ยังมีแต้มตามหลังจ่าฝูงอยู่ถึง 7 คะแนน แต่การพ่ายแพ้ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นเกมนัดสำคัญ

ทีมของฟาฟร์ กลับมาลงสนามอีกครั้ง พร้อมเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องในการเจอกับ ชาลเก้ และ โวล์ฟบวร์ก ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

แต่ลูกชิปสุดสวยของ โจชัว คิมมิช ทำให้ช่องว่างระหว่างจ่าฝูงกับรองจ่าฝูงถูกฉีกห่าง และโอกาสการคว้าแชมป์ก็น้อยลงไป

อย่างไรก็ตามในเกมล่าสุด พวกเขาทำไปถึง 6 ประตู ในเกมที่เจอกับ พาเดอร์บอร์น ซึ่งจากครึ่งมาจาก จาดอน ซานโช ที่ทำให้ทีมกลับมาเก็บชัยชนะในเกมล่าสุด

ในวันเสาร์ทีมเจ้าบ้านจำเป็นต้องเก็บ 3 คะแนน ในการเจอกับ แฮร์ธา โดย 2 เกมหลังสุดที่ทั้ง 2 ทีมพบกัน เป็น ดอร์ทมุนด์ ที่ชนะได้ทั้งหมด รวมถึง ที่เบอร์ลิน เมื่อต้นฤดูกาล เสือเหลืองก็ชนะไป 2-1

ด้าน แฮร์ธา เบอร์ลิน ถือว่าทำผลงานได้ดีนับตั้งแต่กลับมา หลังชนะมา 3 และเสมอไป 1 นัด จาก 4 เกม

โดยสองเกมแรก เมื่อเดนอก่อน ทีมของบรูโน ลับบาเดีย เอาชนะ ฮอฟเฟนไฮม์ และ ยูเนียน เบอร์ลิน ไป 3-0 และ 4-0 ตามลำดับ ก่อนจะแบ่งแต้มจาก อาร์เบ ไลป์ซิก ในเกมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม

นอกจากนี้ แฮร์ธา ยังสานต่อฟอร์มแรง ในนัดต่อมา ด้วยการเอาชนะ เอาส์บวร์ก 2-0 และทำให้พวกเขากระโดดขึ้นมาอยู่อันดับ 9 ของตารางคะแนน และมีแต้มตามหลังทีมอันดับ 6 อย่าง โวล์ฟบวร์ก แค่ 5 คะแนนเท่านั้น

โดย 2 ปี หลัง หญิงชนาจบในอันดับ กลางตารางมาตลอด โดยเป็นการจบอันดับ ที่ 10 และ 11 ตามลำดับ แต่พวกเขาเองก็ต้องการจบในอันดับที่ดีที่สุดเท่านั้นจะเป็นไปได้ โดยอันดับที่ดีที่สุดพวกเขาเคยทำได้ ต้องย้อนไปถึง ฤดูกาล 2016-17 ที่พวกเขาจบอันดับ 6 ในฤดูกาลนั้น

ความพร้อมของทั้ง 2 ทีม

ด้วยอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าในเกมที่แพ้ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อเดือนก่อน ดอร์ทมุนด์ น่าจะยังไม่สามารถใช้บริการของ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ หัวหอกดาวรุ่งได้ในเกมนี้

ด้วยเหตุนี้ น่าจะทำให้ ธอร์กอง อาซาร์ น่าจะได้โอกาสต่อไปในตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง ของระบบแนวรุก 3 คน โดยน่าจะมี ซานโช และ ยูเลียน บรันด์ท ขนาบข้าง

ขณะที่ มัตส์ ฮุมเมลส์ ต้องติดโทษแบน ทำให้คาดการณ์ว่า เอมเร่ ชาน น่าจะต้องถอยไปเป็นกองหลัง และให้ อเซล วิตเซล ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแดนกลางร่วมกับ โธมัส เดลานีย์

ในส่วนของ มาห์มูด ดาฮูด, มาร์โก้ รอยส์, นิโก้ ชูลซ์ และ แดน อเซล ซากาโด้ น่าจะยังไม่พร้อมสำหรับทีมเจ้าบ้าน หลังยังไม่ฟิตสมบูรณ์สำหรับเกมวันเเสาร์นี้

ด้าน แฮร์ธา ในรายของ ซานติอาโก้ อัสคาคิบาร์ และ มาริอุส วูล์ฟ น่าจะยังไม่พร้อม และยังต้องเช็คในส่วนของ มัตเธอุส คุนญ่า และ มาร์วิน แพลตเทนฮาร์ดท์ ที่อาจจะยังไม่พร้อม ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพิ่มจากเกมล่าสุดที่พบกับ เอาส์บวร์ก และเป็นไปได้ ที่พวกเขาจะยึด 11 ตัวจริงชุดเดิม

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ แม็ธธิว เลคกี้ และ คริสตอฟ ปิอาเท็ค ที่เพิ่งย้ายมาเมื่อช่วงเดือนมกราคม เริ่มยึดตำแหน่งตัวจริงในแดนหน้าของ ลับบาเดีย ซึ่งมีตัวเลือกมากมายในแดนหน้า

คาดการณ์ 11 ตัวจริงของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

เบอร์กี้ – พิตซ์เซค, ชาน, อคานจิ – ฮาคิมี, วิตเซล, เดลานีย์, เกร์เรโร – ซานโช, อาซาร์, บรันด์ท

คาดการณ์ 11 ตัวจริงของ แฮร์ธา เบอร์ลิน

ยาร์สไตน์ – เพคาริค, โบยาต้า, โทรูนาริกฮา, มิตเตลสตัดต์ – สเคลเบรด, กรูยิช, ลูเกบาคิโอ, ดาริด้า, ดิลโรซุน – อิบิเซวิช

ผลที่คาดการณ์ – โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-1 แฮร์ธา เบอร์ลิน

แน่นอนว่า แฮร์ธา เบอร์ลิน น่าจะสร้างความยากลำบากให้กับ ดอร์ทมุนด์ ที่ซิกนัล เอดูนา พาร์ค และด้วยฟอร์มในช่วงหลัง พวกเขาน่าจะมีความมั่นใจสูง อย่างไรก็ตามด้วยความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้าน มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อกรกับ ดอร์ทมุนด์ได้ และเราเชื่อว่าทีมของ ฟาฟร์ น่าจะเก็บ 3 แต้ม ไปแบบหวุดหวิด

แวร์เดอร์ เบรเมน พบกับ โวล์ฟบวร์ก, วันที่ 7 มิถุนายน 2563

สำหรับ แวร์เดอร์ เบรเมน เวลาของพวกเขากำลังเหลือน้อยลงไปทุกที ในการเอาตัวรอดในบุนเดสลีกา ฤดูกาลนี้

อันดับปัจจุบัน ที่พวกเขาอยู่ในบุนเดสลีกา ในตอนนี้ สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลส่วนใหญ่ เพราะหลายคนต่างคิดว่าพวกเขาน่าจะรักษาตัวเองอยู่พื้นที่กลางตารางได้แบบสบายๆ แต่ตอนนี้พวกเขามีแต้มตามหลัง ไมนซ์ ทีอันดับ 15 อยู่ 3 คะแนนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น

หลังจากเก็ยชัยชนะ 2 นัด และเสมออีก 1 นัด จาก 5 เกมหลังสุด พวกเขาก็ออกสตาร์ทในช่วงรีสตาร์ทได้ดี และฟอร์มดังกล่าวทำให้โอกาสที่จะอยู่รอดก็มีสูง แต่การพ่ายเมื่อวันพุธ ทำให้พวกเขาต้องอยู่กับสภาพความเป็นจริงอีกครั้ง

หลังต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต แต่ เบรเมน ไม่สามารถรับมือกับ เกมรุกของแฟรงค์เฟิร์ต ได้ก่อนจะพ่ายไป 0-3 นั่นเท่ากับว่า ตอนนี้ชะตากรรมของพวกเขาอยู่ในมือของพวกเขา และต้องเก็บให้ได้มากกว่า ไมนซ์ 4 คะแนน เพื่อรักษาโอกาสในการอยู่รอด

ด้าน โวล์ฟบวร์ก กำลังเดินหน้าสู้อย่างดุเดือด เพื่อเป้ามหายของพวกเขาในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันพวกเขามีแต้มเท่ากับ ฮอฟเฟนไฮม์ ในการชิงตั๋วไปยูโรป้าลีก

ฟอร์มของโวล์ฟบวร์ก ถือว่าดีขึ้น ตั้งแต่บุนเดสลีกากลับมาแข่งขันอีกครั้ง หลังพวกเขาชนะ 2 และแพ้ 2 จาก 4 เกมที่ผ่านมา

ฟอร์มของพวกเขาถือว่าน่าแปลก เพราะชัยชนะ 2 จาก 4 เกมหลัง มาจากการเยือนคู่ต่อสู้ แต่ในโฟล์คสวเก้น อารีนา ตั้งแต่ออกสตาร์ทอีกครั้งพวกเขากลับแพ้ 2 รวด ต่างกับเกมเยือนที่ชนะมา 2 นัด และหนึ่งในสุดยอดผลงานเกมเยือนก็คือการบุกไปทุบ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน 4-1 ที่น่าจะสร้างปัญหาให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน

ความพร้อมของทั้ง 2 ทีม

สำหรับ เบรเมน, ลีโอนาร์โด้ บิทเทนคอร์ต นั้นยังไม่ชัวร์ หลังมีอาการบาดเจ็บรบกวนจากเกมเมื่อกลางสัปดาห์ ทั้งที่ลงสนามไม่กี่นาที แต่พวกเขาก็มีทางเลือกมากขึ้น หลังก่อนหน้านี้ เควิน โวกต์ ที่เจ็บหนัก สามารถกลับมาลงสนามได้แล้ว

ขณะที่โวล์ฟบวร์ก ถือว่ามีผู้เล่นที่ได้รับาดเจ็บมากมาย รวมถึง วิลเลียม ดาวเตะชาวบราซิล ที่ต้องพักยาว อย่างไรก็เกม เกมล่าสุด ยานนิค เกอร์ฮาร์ดท์ ก็กลับมาเป็นตัวสำรองได้แล้ว ขณะที่ โจชัว กีลาโวกี้ ก็เป็นอีกคนที่ใกล้จะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง

ผลที่คาดการณ์ – แวร์เดอร์ เบรเมน 2-3 โวล์ฟบวร์ก

เกมนี้ถือเป็นเกมใหญ่ของทั้งสองทีม ที่แม้อันดับในตารางจะแตกต่างกัน ทีมขึ้นต้องสู้เพื่อเป็นท็อป 6 และไปยูโรป้า ลีก โวล์ฟบวร์ก ต้องการที่จะเอาชนะเพื่อรักษาโอกาส ขณะที่ เบรเมน ต้องสู้เพื่อรักษาตัวเองให้อยู่ในลีกสูงสุดได้ต่อไป

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เกมนี้จะเป็นเกมที่ตัดสินใจ และถือว่าทั้งสองทีมนั้นพร้อมเสี่ยง และมันคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากทั้ง 2 ทีมจะสู้กันอย่างเต็ม

หากต้องเลือกทีมที่จะชนะ โอกาสน่าจะอยู่ที่โวล์ฟบวร์ก แต่ก็อยู่ที่พวกเขาว่าจะเรียกฟอร์มเก่ง เหมือนนัดที่เจอกับ เลเอวร์คูเซนได้หรือไม่

พวกเขาเป็นทีมที่โอกาสมากมาย โดยเฉพาะการครองบอลที่โดดเด่น แต่ต้องดูว่าพวกเขาจะจบสกอร์ได้เฉียบคมมากแค่ไหน ในพื้นที่สุดท้าย