ติดต่อเรา
TH Ufabet TH Joker Free Spins Slotxo 3388 Reload 8%
วิเคราะห์การแข่งขัน : ยูโร 2020 กลุ่มอี วิเคราะห์ผลการแข่งขัน

วิเคราะห์ผลการแข่งขัน

วิเคราะห์การแข่งขัน : ยูโร 2020 กลุ่มอี

กลุ่ม อี ที่มี 4 ทีม ใครจะรุ่ง ใครจะร่วง และไปได้ไกลแค่ไหนในปีนี้

วิเคราะห์การแข่งขัน : ยูโร 2020 กลุ่มอี

นับถอยหลังศึกยูโร 2020 จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเราจะมาวิเคราะห์ต่อกันที่กลุ่ม อี ว่าแต่ละทีมในสายนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน

สเปน

สเปน เอาชนะ เยอรมัน 6-0 เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ดังนั้นการตัดพวกเขาออกจากตัวเต็งการแข่งขันในช่วงซัมเมอร์นี้ ดูเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสเปน ชุดนี้จะต่างจากแต่ก่อน

อันเดรส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ และ ดาบิด บียา เป็นส่วนหนึ่งของยุคทอง และ เซร์คิโอ รามอส ก็ไม่ได้มีชื่อในช่วงซัมเมอร์นี้ กองหลังของเรอัล มาดริด โดนตัดชื่อออกแบบเซอร์ไพรส์ ทั้งที่สามารถเลือกนักเตพได้ถึง 26 คน ในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยหลุยส์ เอ็นริเก้ ให้เหตุผลว่า เขามีอาการบาดเจ็บ และไม่อยากเรียกมา และตอนนี้ทีมกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่สเปน ก็ยังมีนักเตะมากคุณภาพในทีม ไม่ใช่ไก่กา แม้จะไม่มีชื่อนักเตะระดับท็อป เหมือนกับชาติอย่างฝรั่งเศส และ อังกฤษ แต่เมื่อมองถึงว่าพวกเขาได้เล่นเกมรอบแบ่งกลุ่มสามนัดที่เซบีญา ดูเหมือนว่าพวกเขามีโอกาสดีที่จะไปได้ในไกลในทัวร์นาเมนต์นี้

สเปนไม่น่าจะมีปัญหาในการผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ เพราะมีถึง 16 จาก 24 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบน็อตเอาท์ได้ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะมองข้ามทีมอย่างสวีเดน, โปแลนด์ ที่มีโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หรือ สโลวาเกียได้ หลายทีมต่างถ่อมตัว ในการแข่งขันที่เซบีญา และ ลา โรฆา เองก็เป็นทีมเต็งที่จะคว้าชัยชนะสามเกมรวด

ด้วยการชนะกลุ่มของพวกเขา พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาจะได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะทีมที่ได้แต้มที่ดีที่สุด และทำให้พกวเขามีโอกาสเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ มากขึ้น ขุมกำลังของพวกเขถือว่าแน่นอนพอสมควร ทั้ง ตอร์เรส, โมเรโน, โอลโม, อัลบาโร่ โมราต้า และ มิเกล โอยาร์ซาบัลในเกมรุก ถือว่าพวกเขาน่าจะไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย

สวีเดน

การผ่านรอบแบ่งกลุ่มไม่น่าจะเป็นปัญหาของสวีเดนชุดนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น และเหนือการคาดเดาคือ พวกเขาอาจจะต้องพบกับ ทีมชาติอังกฤษ ถ้าทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกที่จะหลีกเลี่ยง พวกเขาจำเป็นต้องจบอันดับ 2 ในกลุ่มดี เพื่อให้งานของพวกเขาง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม มันคาดเดายากสำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่นี่อาจจะเป็นความสำเร็จของทีม ยานเน่ อันเดอร์สสัน ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะเจอกับใคร ในขณะเดียวกัน ที่รัสเซีย เมื่อสามปีก่อน ทัพไวกิ้ง ทำให้ทุกคนตะลึง เมื่อเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ นักเตะอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ เดยาน คูลูเชฟสกี้ มีพัฒนาการมากขึ้นจากตอนนั้นมาก และพร้อมที่จะสนับสนุนแนวรุก ร่วมกับ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก และ วิคตอร์ แคลสสัน ที่น่าเป็นห่วงคือแนวรับของพวกเขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับตอนบอลโลก 2018 โดยสังเกตได้จากผลลัพธ์ในช่วงทีผ่่านมา

การเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ไม่ใช่เรื่องยาก หาก โรบิน โอลเซนทำได้ดีในตำแหน่งประตู และกองหลังของพวกเขา จะปิดกั่นแนวรุกของฝ่ายตรงข้ามได้ดี ทีมของ ยานเน่ อันเดอร์สสัน ต้องการโชคอย่างมาก เพื่อการหนีทีมหนักในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ในวันที่พวกเขาท็อปฟอร์ม พวกเขาก็สามารถล้มทีมใหญ่ได้

ทีมชุดนี้มีจุดเด่นที่ความสามัคคี ซึ่งสำคัญมากสำหรับรายการใหญ่ ไม่มีทางที่จะตัดพวกเขาอกไป แต่พวกเขาจะต้องทำผลงานได้ดีกว่าเดิม เพื่อให้เข้ากับความสำเร็จของพวกเขาเมื่อสามปีก่อน

โปแลนด์

มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังอะไรมากมายจากโปแลนด์ แม้ว่า เจอร์ซี เบอร์เซคเซค จะพาทีมเข้ารอบยูโร และอยู่ในระดับ เอ ของ ยูฟ่า เนชันส์ ลีก แต่ประธานสมาคมฟุตบอลโปแลนด์ และตำนานทีมชาติอย่าง ซบิ๊กนิว โบเนียค กำลังไล่เขาออกอย่างเซอร์ไพรส์ เมื่อเดือนมกราคม เป็นช่วงเวลา 5 เดือนก่อนยูโร

โบเนียค อธิบานการตัดสินใจของเขาว่า ทีมไม่มีการพัฒนา และจำเป็นต้องเปลี่ยนผู้นำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากนักเตะชุดนี้ มันแฟร์ที่จะตัดสินใจแบบนี้ แม้ว่าจะ โปแลนด์ จะไม่มีปัญหาสำหรับการเข้ารอบยูโร และแพ้เพียงแค่นัดเดียวจากสิบเกมหลังของพวกเขา แต่นักวิจารณ์ หลายคนมองว่าการเล่นฟุตบอลของพวกเขาค่อนข้างน่าเบื่อ และไม่น่าสนใจ

เบอร์เซคเซค ถูกแทนที่โดย เปาโล ซูซา อดีตนักเตะชาวโปรตุกีส ที่เคยมีประสบการณ์กับ คิวพีอาร์ และ สวอนซี การเริ่มต้นของเขาขาดพลัง หลังชนะแค่นัดเดียว จากสามนัดที่คุ เหนืออันดอร์รา และรู็สึกเหมือนกับว่ากำลังปรับตัวเข้ากับทีม รวมถึงรูปแบบการเล่นใหม่ๆ ที่ทำให้คนสนใจมากขึ้น และตอนนี้ความคาดหวังก็ลดลงมาพอสมควร การผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ถือว่าสำเร็ตแล้ว สำหรับ แฟนๆ สำหรับแฟนบอลก็หวังที่จะได้เห็นโปลแลนด์ ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม หลังจากนี้มีผลงานย่ำแย่ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

หลังจากที่เขาถึงรอบรองชนะเลิศ และแพ้ให้กับทีมแชมป์ อย่างโปรตุกีสในยูโร 2016 นั่นคือช่วงเวลสที่น่าจดจำที่สุดสำหรับวงการฟุตบอลโปแลนด์ พวกเขาได้รับคำชมอย่างมาก โดยเฉพาะนักเตะที่ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่หลังเดินทางกลับบ้านเกิด

ทีมในปีนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเห็นได้ชัดอ่อนลงไป จากสมัยของ อดัม นาวาลก้า ที่คุมทีมในเวลานั้น เขามีเวลาถึงสองปีในการทำงานกับนักเตะ และสร้างสไตลการเล่นของพวกเขาขึ้นมา ในการยกระดับมาต่อกรกับชาติชั้นนำในยุโรป แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น โดยทีมขาวแดง ไม่สามารถชนะทีมชั้นนำได้เลยในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาแพ้ เนเธอร์แลนด์ 2 ครั้ง อิตาลี 1 ครั้ง และ อังกฤษ 1 ครั้ง

ความคาดหวังในทีมชุดนี้ คือการยกระดับทีม และผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ถ้ามากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นโบนัส

สโลวาเกีย

การผ่านรอบคัดเลือกของสโลวาเกีย เปรียบเหมือนการนั่งรถไฟเหาะ ทีมของ พาเวล ฮาปาล เอาชนะ ฮังการี ได้สองครั้ง ในเกมดาร์บี้ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก้แพ้ 0-4 และ 1-3 ต่อโครเอเชีย และไม่สามารถชนะเวลส์ได้ การเข้ารอบสุดท้ายคงเป็นเหมือนฝันหลังพวกเขาได้โอกาสเพลย์ออฟ แต่หลังจากรอบรองชนะเลิศ ฮาเปล โดนปลด และแทนที่โดน สเตฟาน ทาร์โควิช

มันไม่ได้เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่การเข้ารอบสุดท้ายในรอบทศวรรษ มันต้องมีบางอย่าง สโลวาเกีย อยู่ท่ามกลางการสร้างนักเตะใหม่ขึ้นมา แต่พวกเขาก็ยังทำได้ดี พวกเขาเชื่อว่าจะเก็บแต้มได้จากทั้งโปแลนด์, สวีเดน และสเปน และรอบต่อไป คือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2010 และ 2016

สโลวาเกียทำได้ดีในอดีตในเกมที่ไม่ได้มีความกดดัน พวกเขาตั้งรับลุกและโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว แผนการเล่นของฝ่ายตรงข้าม น่าจะเข้ากับสไตล์ของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเอาชนะ สเปนไปแล้ว เมื่อปี 2014

สโลวาเกีย เป็นทีมที่คาดเดาได้ยาก พวกเขามักจะทำผลานได้อย่างแข็งแกร้ง ชนะได้แบบพลิกล็อคเมื่อไม่ได้แบกความคดาหวัง แต่เมื่อพวกเขาจำเป็นต้องชนะพวกเขาจะพลาดทันที ปัญหาอาจจะเป็นเรื่องของทัศนคติ แต่แฟนๆชาวสโลวัก ไม่ได้หวังอะไรมากจากทีมของพวกเขา โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่ออกสตาร์ทได้ไม่ดี

สิ่งนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อสโลวาเกีย พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้สองครั้งหลัง และทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับวว่าพวกเขาเจอใครในรอบต่อไป ตามความเห็นของเรา และรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถือเป็นเป้าหมายที่เกินคาดสำหรับพวกเขา

ยูโร-2020

อ่านเพิ่มเติมใน วิเคราะห์ผลการแข่งขัน