นับถอยหลังศึกยูโร 2020 จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเราจะมาวิเคราะห์ต่อกันที่กลุ่ม ซี ว่าแต่ละทีมในสายนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน
ออสเตรีย
ออสเตรีย เข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลยูโร ช่วงซัมเมอร์นี้เป็นครั้งที่ 3 และพวกเขาน่าจะไปได้ไกลกว่า สองครั้งที่ผ่านมา
ในรายชื่อ พวกเขามีโค้ชที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งอย่าง ฟรังโก้ โฟด้า อย่างไรก็ตามแฟนบอล ก็ยังคงไม่เชื่อมั่นในออสเตรียชุดนี้ หลังจากที่พวกเขาแพ้เละคาบ้าน ต่อเดนมาร์ก และความหวังในยูโร 2020 ก็คงไม่สูงนักสำหรับประเทศที่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตังแต่ อิตาเลีย 90 และความคาดหวังในตัวพวกเขาก็ไม่สูงมากนัก แม้จะอยู่ร่วมสายที่ไม่แข็ง แต่มันดูเป็นเรื่องยากสำหรับทีมที่ขาดความเชื่อมั่นซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
พวกเขามีนักเตะคุณภาพสูงอย่าง มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และ คริสตอฟ บวมการ์ทเนอร์ ที่คุมจังหวะของเกมได้ดี แต่พวกเขาต้องมีตัวเลือกมากกว่านี้ หากต้องการไปให้ได้ไกล
กลุ่มซี มีแนวโน้มที่จะไปได้ไม่ไกล เพราะเชื่อว่าทีมอันดับ 2 หรือ 3 จะต้องไขว้ไปเจอกับกลุ่มที่มี อิตาลี โปรตึเกส หรือเยอรมัน ในรอบน็อคเอาท์ และเป็นเรื่องยากที่ออสเตรียจะไปได้ไกลในยูโร 2020
หลังจากที่พวกเขาจบอันดับสุดท้ายของกลุ่มเมื่อปี 2016 ออสเตรีย ต้องอยู่ภายใต้ความกดดัน เนื่องจากพวกเขาต้องลงเล่นที่สนาม ในบูคาเรสต์ และจะต้องพยายามเอาชนะ มาซิโดเนีย เหนือ ด้วยศักยภาพของทีมี่อาจจะสูงกว่า และทำให้ทีมของฟรังโก้ ฟอด้า มีโอกาสผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ หากพวกเขาสามารถเอาชนะเกมนี้ แต่ถ้าหากไม่โอกาสที่พวกเขาจะเข้ารอบได้คงเป็นเรื่องยาก
ยูเครน
ยูเครน สร้างประวัติศาสตร์ ในปี 2019 หลังจากที่พวกเขาไม่แพ้ใครเลย ตลอดทั้งปี และถือเป็นครั้งแรก ขณะที่ในรอบคัดเลือก พวกเขามีแต้มเหนือ โปรตุเกส และ เซอร์เบีย ทีมมีโมเมนตัมมากมาย ในการเข้ารอบสุดท้ายยูโร เมื่อปีก่อน แต่มันก็ต้องถูกเลื่อนออกไป
อย่างไรการเลื่อนออกมา อาจจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะผ่านไปหนึ่งปี ทีมเริ่มดูดีขึ้น และเป็นกลุ่มมากกว่าปีก่อน อย่าง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, รัสลาน มาลินอฟสกี้ และ โรมัน ยาเรมชุค ทำผลงานได้ดีกับสโมสร ในขณะที่ ดินาโม เคียฟคว้าเทรเบิ้ลแชมป์ในปะเทศได้ มันก็ส่งผลต่อทีมชาติ และ ทำให้ อันเดร เชฟเชนโก้ ยังได้รับประโยชน์จากการได้เล่นกับชาติระดับ ท็อป หลังผ่านเข้าไปเล่น ในเนชันส์ ลีก ระดับเอ และได้เจอกับ เยอรมัน และ สเปน ส่วนฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกก็ได้เจอกับ ฝรั่งเศส
เมื่อมองตามที่กล่าวแล้ว ยูเครน ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีของการแข่งขัน พวกเขามีโอกาสเบียด เนเธอร์แลนด์ เป็นแชมป์กลุ่ม แม้ออสเตรียจะประมาทไม่ได้ และทีมหน้าใหม่อย่าง มาซิโดเนีย เหนือ ยูเครน ถูกยกให้เป็นม้ามืดอีกทีม และนี่เป็นครั้งที่สามของพวกเขาในยูโร แล้ว ทัพน้ำเงินเหลืองไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เลยก่อนหน้านี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาน่าจะสร้างประวัติศาสตร์ได้
หวังว่าในทัวร์นาเมนต์ พวกเขาจะสามารถทำประตูได้ เพราะที่ผ่านมา 6 นัด ในรอบสุดท้ายพวกเขาทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น และมันก็มาจาก อันเดร เชฟเชนโก้ โค้ชคนปัจจุบัน ที่ยิงใส่ สวีเดน เมื่อปี 2012
มีความหวังมากมาย สำหรับ ยูเครน ในปี 2021 และยูเครน ก็ดูเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งในกลุ่ม โดยเชฟเชนโก้ มีแท็คติกที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดทั้งเกม และแสดงให้เห็นในช่วงสองปีที่ผ่านมา การเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิส น่าจะมีโอกาส แต่จะมีแค่ 8 จาก 24 ทีมเท่านั้น และเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นเกมสำคัญมากสำหรับพวกเขา
เนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ กลับมาเล่นในรายการใหญ่ได้อีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 2014 แต่ยังห่างไกลจากยุคทองใน ยูโร 88 หรือ ยูโร 2000 และ ยูโร 2004
ฟลายอิงค์ ดัตช์แมน ต้องการความแปลกใหม่ หลังจากที่พลาดไปเล่นรายการใหญ่มาสองครั้งติดต่อกัน อดีตนักเตะและกัปตันทีม อย่างแฟรงค์ เดอ บัวร์ จะได้เป็น กัปตันในยูโร 2020 และเรารู้สึกว่าโอกาสของพวกเขาจะวัดกันที่ช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยนักเตะดาวรุ่ง ที่ผสมผสานกับตัวประสบการณ์สูง ที่พวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองในรอบสดท้ายของรายการใหญ๋
เราจะไม่ยกเนเธอร์แลนด์ เป็นทีมเต็งที่จะได้แชมป์ แต่คิดว่าพวกเขาน่าจะผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ในมุมมองของเรา พวกเขาได้รับการชมที่ได้กลับมา แต่การจะไปถึงแชมป์อาจจะเร็วเกินไป
ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างชื่อในชุดปัจจุบัน กับตำนานในอดีตอย่าง รุด กุลลิต, มาร์โก ฟาน บาสเทน และเดนนิส เบิร์กแคมป์ ส่วนทีมชุดปัจจุบันมีความต่างจากอดีตมาก
เนเธอร์แลนด์ มีสถิติที่ค่อนข้างสม่ำเสมอในบอลยูโร ยกเว้นเมื่อปี 2012 ที่โปแลนด์ และยูเครน ซึ่งพวกเขาไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม การจะกลับไปเหมือนปี 2000 ต้องมาจากความกระหายและทำงานให้หนัก ด้วยประสบการณ์ที่น้อยนิด มันยากที่จะเป็นแชมป์ยูโร 2020
มาซิโดเนีย เหนือ
มาซิโดเนีย เหนือ กำลังจะไปเล่นยูโร หลังจากที่เอาชนะเยอรมันได้อย่างยอดเยี่ยม ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และทำให้ทีมมีความมั่นใจอย่างมากก่อนรายการสำคัญ อย่างที่ทราบ โค้ช สตาฟฟ์ และนักเตะทุกคนจะต้องตื่นเต้นอย่างมากเมื่อลงสนาม เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พวกเขายกระดับอย่างต่อเนื่อง และดูเป็นหนึ่ง มีแคแรคเตอร์ที่แข็งแกร่ง และคุณภาพที่ชัดเจน และทำให้พวกเขามาถึงยูโร และการเอาชนะอินทรีเหล็ก ที่ดุยส์บวร์ก เป็นการแสดงให้เห็นว่า มาซิโดเนีย พร้อมที่จะสู้ทีมกับทีมชาติระดับท็อป และในฟุตบอลยูโร จะเป็นการพิสูจน์ของพวกเขา
คนทั้งประเทศต่างภูมิใจในตัว ผู้จัดการ อิกอร์ อันเกลอฟสกี้ และนักเตะ เมื่อยูโรใกล้เข้ามา พวกเขาก็มั่นใจและมองโลกในแง่ดีว่าอย่างน้อยพวกเขาก็สามารถผ่านเข้ารอบน็อตเอาท์ได้
ในแง่ของคุณภาพ กลุ่มซีถือว่าค่อนข้างสมดุล มีเพียงเนเธอร์แลนด์ ที่ดูโดดกว่าทีมอื่น และถือเป็นตัวเต็ง แต่สามทีมที่เหลือมีความใกล้เคียงกันมาก และการแข่งขันเพื่อชิงอันดับ 2 และสามน่าจะดุเดือด
มาซิโดเนีย เจอกับ ออสเตรีย มาแล้วในรอบคัดเลือกยูโณ ดังนั้นพวกเขาน่าจะพอรู้จักกันดี แม้ยูเครนจะดูมีคุรภาพมากกว่า แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ชาติระดับท็อป หากมาซิโดเนีย แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ ความมุ่งมั่นและความกระหายในการขับเคลื่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะไปได้ถึงรอบน็อค์เอาท์
ยูโร-2020
-
ยูโร 2020
/ 3 ปี ที่แล้ว‘เคียร์’ แจงเรื่อง ‘อีริคเซน’ นึกถึงเกือบทุกวัน – กลายเป็นส่วนหนึ่งของตนเอง
เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติเดนมาร์ก บอกว่าเหตุการณ์เพื่อนร่วมทีมหัวใจวายกลายเป็นส่วนหนึ่งของตน
โดย mxxn