ศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี คู่สุดท้ายของคืนวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เปิดอัลลิอันซ์ อารีน่า ต้อนรับ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค เกมนี้เจ้าถิ่นของกุนซือ ฮันส์ ดีเตอร์ ฟลิก ขาด 2 แข้งหลักในแนวรุก โธมัส มุลเลอร์ กับ “เลวานดี้” โรเบิร์ต เลวาดอฟสกี้ ติดโทษแบนพร้อมกัน จึงต้องให้ อิวาน เปริซิช และ โจชัว เซิร์กซี ลงไปยืนค้ำในแดนหน้า
เริ่มเกมไป 16 นาที “สิงห์หนุ่ม” เกือบขึ้นนำไปก่อนจาก โยนาส ฮอฟมันน์ ยิงเข้าไปแล้ว แต่ภาพช้าจาก VAR ตัดสินไม่ให้เป็นประตู เพราะมีการฟาว์ลเกินขึ้นก่อน หลังจากนั้นเป็น บาเยิร์น มิวนิค ฉวยโอกาสออกนำไปก่อน 1-0 จากความผิดพลาดของ ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือนเตะบอลพลาดไปเข้าทาง โจชัว เซิร์กซี แปสวนทางเข้าไปตุงตาข่ายแบบโล่งๆ ในนาทีที่ 26 แต่ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ตามทวงคืนได้สำเร็จจากความผิดพลาดของ แบงฌาแมง ปาวาร์ สกัดพลาดเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 37 จบครึ่งแรก เสมอ 1-1 เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมผลัดกันเปิดเกมรุกเข้าใส่แบบต่อเนื่อง และมีโอกาสลุ้นยิงประตูเพิ่มกันได้ตลอด แต่นายทวารของทั้ง 2 ทีมโชว์เซฟป้องกันเอาไว้ได้ ก่อนที่ “เสือใต้” จะมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 86 จาก เลออน โกเรตซ์ก้า หมดเวลาการแข่งขัน บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายเฉือนชนะ 2-1
ทำให้ “เสือใต้” ยังคงรั้งจ่าฝูง แข่ง 31 นัด มี 73 แต้ม ทิ้งห่าง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมอันดับ 2 อยู่ถึง 7 คะแนนเหมือนเดิม และจ่อเข้าป้ายแชมป์ฤดูกาลหน้าเต็มแก่ หากคว้าชัยในเกมต่อไปที่จะออกไปเยือน แวร์เดอร์ เบรเมน ทีมรองบ๊วยช่วงกลางสัปดาห์นี้ได้สำเร็จ เพราะจะมีคะแนนนำขาดลอยแบบไม่ต้องรอลุ้นใน 2 เกมสุดท้ายของซีซั่นนี้อีกต่อไป ส่วน โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ยังคงอยู่อันดับ 4 แข่ง 31 นัด มี 56 แต้ม เท่ากับ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่แข่งน้อยกว่าหนึ่งเกม