ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ค. “อัซซูรี่” อิตาลี เผชิญหน้ากับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่เวมบลีย์ สเตเดี้ยม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เริ่มเกมไปเพียง 2 นาที “สิงโตคำราม” ขึ้นนำไปก่อนจาก ลุค ชอว์ จบครึ่งแรก อังกฤษ ออกนำ 1-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง อิตาลี ตามตีเจ๊าได้จาก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ในนาทีที่ 67 จบ 90 นาที เสมอ 1-1 จึงต้องเล่นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ไม่มีการจบสกอร์เกิดขึ้น ทำให้ต้องดวลเป้าตัดสินเพื่อตามหาทีมแชมป์ ก่อนที่ “อัซซูรี่” ยิงแม่นกว่าชนะ 3-2 คว้าแชมป์ยูโร 2020 ไปครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 ในรอบ 53 ปีเลยด้วย หลังจากที่เคยได้แชมป์สมัยแรกในศึกยูโร 1968
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
อิตาลี: จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เอแมร์ซอน – นิโคโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ – เฟเดริโก้ เคียซ่า, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่
อังกฤษ: จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ – คีแรน ทริปเปียร์, แคลวิน ฟิลลิปส์, เดแคลน ไรซ์, ลุค ชอว์ – เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิง – แฮร์รี่ เคน