“ฮอว์ก-อาย” บริษัทผู้ดูแลเทคโนโลยีโกล-ไลน์ให้กับพรีเมียร์ลีก ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีปัญหาในเกมระหว่าง แอสตัน วิลล่า กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีจังหวะที่ลูกเข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินไม่ได้รับสัญญาณเตือนจากโกล-ไลน์ จึงไม่ได้ตัดสินให้เป็นประตู โดยระบุว่าสาเหตุเกิดจากการที่กล้องทั้ง 7 ตัวที่ตั้งอยู่รอบประตูไม่สามารถจับภาพได้ เนื่องจากสัญญาณถูกปิดกั้นจากตัวผู้รักษาประตู กองหลัง และเสาโกล ทำให้ระบบไม่ได้การส่งสัญญาณเตือนว่าได้ประตูไปยังผู้ตัดสินทั้งที่ลูกข้ามเส้นไปแล้ว ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน ตลอด 9,000 แมตช์ที่มีการใช้งานเทคโนโลยีโกล-ไลน์

จังหวะปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 42 เมื่อเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดได้ลูกฟรีคิก โอลิเวอร์ นอร์วู้ด เปิดลูกไปที่เสาไกล ออร์ยาน นีแลนด์ ผู้รักษาประตูของวิลล่ารับลูกได้แต่จับบอลยังไม่นิ่ง และตัวไปชนกับ คีแนน เดวิส เพื่อนร่วมทีม จนถลำเข้าไปในประตู ซึ่งภาพช้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่าลูกในมือนีแลนด์นั้นข้ามเส้นประตูเข้าไปเต็มใบแล้ว แต่ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวไม่ได้รับสัญญาณจากโกล-ไลน์ จึงไม่ได้เป่าให้เป็นประตู

ฮอว์ก-อายยังชี้แจงในแถลงการณ์ด้วยว่า มีการทดสอบระบบโกล-ไลน์ก่อนที่จะเริ่มทำการแข่งขันแล้ว รวมทั้งระบบยังคงทำงานได้ตลอดทั้งเกม แต่จากสาเหตุดังกล่าวซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้โกล-ไลนไม่ได้ส่งสัญญาณไปที่ผู้ตัดสิน “ฮอว์ก-อายต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งไปยังพรีเมียร์ลีก, สโมสรเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และทุกๆ ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้”