ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปเยือน “สิงโตนำเงินคราม” เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เกมนี้ทีมเยือนของกุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า ยังคงให้พวกดาวดังออกสตาร์ทเป็นตัวจริง นำทัพโดย เควิน เดอ บรอยน์ แต่ยกเว้น “กุน” เซร์จิโอ อเกโร่ กองหน้าตัวเก่งที่เจ็บหัวเข่า ส่วนเจ้าบ้านของกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามวาง โอลิวิเยร์ ชูริด์ ยืนหัวหอก
ในช่วงครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมเข้าใส่กันแบบสนุก ก่อนที่ เชลซี จะมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 36 จาก คริสเตียน พูลิซิช จบ 45 นาทีแรก เจ้าบ้านออกนำ 1-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามตีเสมอได้จากลูกฟรีคิกของ เควิน เดอ บรอยน์ ในนาทีที่ 55 หลังจากนั้นเจ้าถิ่นมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 78 จากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ่ ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ จึงโดนใบแดงไล่ออกสนามให้ทีมเยือนเหลือ 10 คนไปด้วย ก่อนที่ วิลเลี่ยน จะสังหารจุดโทษเข้าไป หมดเวลาการแข่งขัน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 2-1
ทำให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เข้าป้ายแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/2020 ได้สำเร็จ หลังจากที่รอคอยแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมานานถึง 30 ปี นับตั้งแต่หนสุดท้ายที่ได้แชมป์ดิวิชั่น 1 เดิม เมื่อปี 1990 เนื่องจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงรั้งรองจ่าฝูง แข่ง 31 นัด มี 63 แต้มเท่าเดิม ส่วนทีมแชมป์ยุโรป 6 สมัยยังคงรั้งจ่าฝูง แข่ง 31 นัด มี 86 คะแนน จึงห่างกันแบบขาดลอยถึง 23 คะแนน และไล่ตามในอีก 7 เกมที่เหลือไม่ทันแล้ว ส่วน เชลซี ยังคงเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” ในอันดับ 4 แข่ง 31 นัด มี 54 แต้ม ทิ้งห่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 5 เพิ่มเป็น 5 คะแนน และไล่จี้ เลสเตอร์ ทีมอันดับ 3 เหลือแค่หนึ่งคะแนน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
เบิร์นลีย์ ชนะ วัตฟอร์ด 1-0
เซาแธมป์ตัน แพ้ อาร์เซนอล 0-2
เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1