เลสเตอร์ ซิตี้ – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างต้องการเป็นท็อปโฟร์ทั้งคู่ ในพรีเมียร์ลีก และทั้งสองทีมต้องโคจรมาปะทะกันเอง ที่ คิง เพาเวอร์ ในวันอาทิตย์นี้

สถานการณ์ปัจจุบัน จิ้งจอกอยู่อันดับ 5 โดย มีแต้มตามหลังทีมอันดับ 4 และ สาม อย่าง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่า 3 ทีมนี้ จะมีแค่ 2 ทีมที่สมหวัง โดยเชลซี จะต้องเปิดบ้านพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในเวลาเดียวกัน

เลสเตอร์ รั้งอันดับ 3 มาได้อย่างเหนียวแน่นในช่วงก่อนล็อคดาวน์เดือนมีนาคม และทำแต้มทิ้งห่าง เชลซี ที่อยู่ที่ 4 ในเวลานั้น ถึง 5 คะแนน และห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ถึง 8 คะแนน นั่นหมายความว่า พวกเขาทำได้ดี ในการเป็นท็อปโฟร์ และกลับไปแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง

แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่กลับมารีสตาร์ท พวกเขากลับประสบปัญหามากมาย หลังเก็บชัยชนะไปเพียง 2 เกมเท่านั้น จาก 8 นัดหลังสุด และเป็นการแพ้ถึง 3 นัด

ทีมของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส รู้ดีว่า หากพวกเขาเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ได้ พวกเขาก็จะได้เป็นท็อปโฟร์ทันที แต่ถ้าได้แค่คะแนนเดียว แล้วเชลซี แพ้คาบ้านต่อวูล์ฟ มันก็อาจจะเพียงพอที่จะทำให้ เลสเตอร์ เป็นอันดับ 4 เพราะพวกเขามีประตูได้เสียที่ดีกว่า ทีมของแฟรงค์ แลมพาร์ด

มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับเกมนี้ หลังจากที่ แมนฯยูไนเต็ด พลาดทำแต้มหล่นในเกมที่พบกับ เวสต์แฮม เมื่อวันพุธ ขณะที่เชลซี ก็ไปพ่ายต่อลิเวอร์พูล ทำให้ เลสเตอร์ ยังคงอยู่ในเส้นทางที่กลับมาได้

จิ้งจอกทำผลงานใน คิง เพาเวอร์ สเตเดียม ฤดูกาลนี้ได้ดี หลังชนะไปทั้งหมด 11 จาก 18 เกมลีก และแพ้ไปเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น และ 4 เกมหลังสุดในบ้าาน พวกเขาก็ชนะไปถึง 3 เกม

ขณะที่ แมนฯยูไนเต็ด ขยับจากอันดับ 5 ขึ้นอยู่อยู่ที่ 3 เมื่อวันพุฑที่ผ่านมา หลังเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอกับ เวสต์แฮมไป 1-1 มันเป็นเกมที่ยากมาก สำหรับ ปีศาจแดง โชคดีที่พวกเขามาได้ เมสัน กรีนวูด ที่มาซัดประตูตีเสมอในครึ่งหลัง หลังโดย มิคาอิล อันโตนิโอ ยิงจุดโทษใส่ไปก่อน

นับตั้งแต่รีสตาร์ทกลับมา แชมป์ลีก 20 สมัย เอาชนะไป 5 นัด และเสมออีก 3 นัดจาก 8 เกมหลังสุด และทำให้พวกเขากระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ดี ในการได้กลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง

ตามที่กล่าวไป แค่แต้มเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นท็อปโฟร์ และแม้ว่าจะแพ้ ก็ยังได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า ถ้าเชลซี พลาดท่าพ่ายต่อ วูล์ฟ ทีมอันดับ 6

หลังจากที่ แพ้ เชลซี ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ มา 1-3 การเสมอกับ เซาแธมป์ตัน และ เวสต์แฮม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่มันไม่มีข้อสงสัยต่อตัวสโมสร หลังจากที่กลับมาอยู่ตำแหน่งที่ดี หลังกลับมาจาก ล็อคดาวน์

ในช่วงซัมเมอร์ ทีมยังมีภารกิจมากมาย โดยเฉพาะความพยายามในการคว้าตัว จาดอน ซานโช มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ให้ได้ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก หรือไม่ แต่หากพลาดในลีกไป พวกเขายังมีอีกเส้นทางก็คือการคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ให้ได้

ความพร้อมของทั้งสองทีม

เลสเตอร์ ไม่มีนักเตะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม จากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่พวกเขาจะยังขาดนักเตะอย่าง เจมส์ แมดดิสัน, เบน ชิลเวลล์ และ ริคาร์โด้ เปไรรา

เช่นเดียวกับ คริสเตียน ฟุคส์ และ ดาเนียล อมาร์เตย์ ขณะที่กองหลังตัวหลักของ คากลาร์ โซยุนซู ก็ติดโทษแบน นั่นหมายความว่า เวส มอร์แกน จะต้องลงสนามอีกครั้ง ในระบบหลัง 3 ร่วมกับ จอนนี อีแวนส์ และ ไรอัน เบนเนตต์

ขณะที่ มาร์ค อัลไบร์ทตัน น่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง หลังจากไม่มีชื่อมาใน 2 เกมหลังสุด ขณะที่ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ และ อโยเซ เปเรซ ที่น่าจะได้ลงซัพพอร์ต เจมี วาร์ดี้ ในเกมรุก

ในขณะที่ตำแหน่งวิงแบ็ค พวกเขาน่าจะใช้ ลุค โธมัส และ เจมส์ จัสติน

ด้าน แมนฯยูไนเต็ด อเซล ตวนเซเบ้ และ ฟิล โจนส์ ยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ แต่เกมนี้น่าจะมีข่าวดีในรายของ ลุค ชอว์ และ เอริค ไบยี ที่น่าจะกลับมาลงสนามได้

นับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในเกมกับ บอร์นมัธ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ทีผ่านมา ชอว์ ก็ไม่มีชื่อเลยนับตั้งแต่ตั้น คาดว่าเกมนี้ เจ้าตัวน่าจะกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงแทนที่ของ แบรนดอน วิลเลียมส์ ได้

ขณะที่ อารอน วาน บิสซาก้า ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย จนไม่ได้เป็นตัวจริงในเกมกับ เวสต์แฮม น่าจะกลับมาเป็นตัวจริงในเกมนี้ เช่นเดียวกับ เนมานยา มาติช ที่จะคุมเกมตรงกลางร่วมกับ ปอล ป็อกบา และ บรูโน แฟร์นานเดส

กรีนวูด มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโธนี มาร์กซิยาล ประสานงานกันได้ดี นับตั้งแต่รีสตาร์ทกลับมา และน่าจะยืมเป็น 3 ประสาน ในแดนหน้าให้โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อีกครั้งในเกมนี้

11 ตัวจริงที่น่าจะลงสนามของเลสเตอร์ ซิตี้

ชไมเคิล, เบนเนตต์, มอร์แกน, อีแวนส์, โธมัส, ตีเลมองส์, เอ็นดีดี้, จันติน, บาร์นส์, วาร์ดี้, เปเรซ

11 ตัวจริงที่น่าจะลงสนามของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เด เกอา – วาน บิสซาก้า, ลินเดเลิฟ, แมคไกวร์, ชอว์, มาติช, ป็อกบา, กรีนวูด, แฟร์นานเดส, แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล

คาดการณ์ผล – เลสเตอร์ ซิตี้ แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2

มันเป็นความจริงที่ว่า เลสเตอร์ ขาดกำลังหลักขากอาการบาดเจ็บมากเกินไป ทำให้มันลำบากสำหรับพวกเขาในการรักษาตำแหน่งท็อปโฟร์ ขณะที่ แมนฯยูไนเต็ด มีความกระหายที่จะกลับมาโชว์ฟอร์มให้ดีอีกครั้ง หลังพลาดใน 2 นัดหลังสุด และเขื่อว่า โซลชา น่าจะพาทีมจบอันดับ 3 ในฤดูกาลนี้ได้

เชลซี – วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ เชลซี จะต้องพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ และเป็นตัวสำคัญในการกำหนดชะตากรรมในการไปเล่นฟุตบอล ยุโรป

สิงห์บลูส์ ยังต้องลุ้นไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ขณะที่วูล์ฟ ก็ต้องการรักษาอันดับ 6 ซึ่งมันก็ดีพอที่จะได้กลับไปเล่นในยูโรป้า ลีก

ในฤดูกาล 2019/20 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ของสิงห์บลู หลังการเข้ามาเป็นเฮดโค้ชปีแรกของ แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่มันยังตอบไม่ได้ในตอนนี้ มันอาจจะต้องให้เห็นในช่วงเวลา 1 สัปดาห์หลังจากนี้ หรืออาจจะมากกว่านั้น

การเข้ามาของเขา มีข้อจำกัดมากมาย หลังต้องเสียดาวเตะอย่าง เอเด็น อาซาร์ แต่หากทีมจบท็อปโฟร์ได้ และยังได้แชมป์เอฟเอ คัพ มันก็ถือว่าเป็นฤดูกาลที่น่าประทับใจของ แลมพาร์ด ในฐานะตำนานของทีม

เชลซีจำเป็นต้องการันตีเป้าหมายแรก ในวันอาทิตย์นี้ ด้วยการเอาชนะวูล์ฟส์ ให้ได้ ซึ่งจะทำให้พวกเขามี 66 คะแนน ซึ่งน้อยกว่า ที่ เมาริซิโอ ซาร์รี ทำไว้เมื่อฤดูกาลก่อน 6 คะแนน

จากนั้นพวกเขาต้องหันไปโฟกัสในเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่ต้องพบกับ อาร์เซนอลในสุดสัปดาห์หน้า หลังจากที่พวกเขาผ่านรอบรองชนะเลิศมาได้ด้วยการชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1

ในความเป็นจริง สิงห์บลู ยังสามารถจบท็อปโฟร์ได้ แม้จะแพ้ในเกมนี้ แต่ก็ต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ เลสเตอร์ ที่คิง เพาเวอร์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแต้มเท่ากับเชลซี และเหนือกว่าเพียงแค่ประตูได้เสียเท่านั้น ขณะที่ เลสเตอร์ แม้จะมีแต้มที่น้อยกว่า แต่พวกเขาก็มี ประตูได้เสียดีกว่าเชลซี

ถ้าเชลซี เสมอกับ วูล์ฟ พวกเขาก็ต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ เลสเตอร์ ให้ได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้รักษาอันดับ 4 ต่อไป

แลมพาร์ด เองก็ต้องการเอาชนะในบ้านนัดสุดท้ายให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจคู่อื่น แต่ฟอร์มในลีกช่วงหลังของพวกเขาก็ไม่ดีหลัง หลังแพ้มาถึง 2 จาก 3 เกมหลังสุถด

ซึ่งนั่นทำให้ นี่เป็นฤดูกาลที่พวกเขาแพ้ค่อนข้างมากในฤดูกาลนี้ โดยฤดูกาลนี้พวกเขาแพ้ไปแล้ว 11 นัด โดย 2 เกมหลังก็คือ การแพ้ ต่อเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล และแสดงให้เห็นถึงแผลในเกมรับของพวกเขา จากการแพ้ไปถึง 0-3 และ 3-5

วูล์ฟ เองก็เล็งที่จะโจมตีจุดอ่อนของ เชลซี ในแนวรับ และจะพยายามรักษาโมเมนตัมของพวกเขาไว้ให้ได้

หลังจากที่แพ้ต่อเนื่องในการเจอกับ อาร์เซนอล และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทำให้โอกาสในการเป็นท็อปโฟร์หลุดลอยไป แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เอาชนะเอฟเวอร์ตัน และ คริสตัล พาเลซ และ เสมอกับ เบิร์นลีย์

เหมือนกับเชลซี ในสุดสัปดาห์นี้ วูล์ฟ ก็ต้องจับตาดูผลของคู่อื่นๆ อย่าง สเปอร์ส ที่พวกเขามีแต้มมากกว่าแค่แต้มเดียว เพื่อรักษาโอกาสในการไปยูโรป้า ลีก

นั่นหมายความว่า ทีมของ นูโน เอสปิริโต้ ซานโต้ ต้องเอาชนะ และยังมีลุ้นที่จะได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก แต่พวกเขาก็ต้องคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ให้ได้

โดยในยูโรป้า ลีก พวกเขาเสมอกับ โอลิมเปียกอสมา 1-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก ซึ่งเลกสอง จะแข่งขันกันในช่วงต้นเดือนหน้า และ ถือเป็นโอกาสอันดีของพวกเขา

ความพร้อมของทั้งสองทีม

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พลาดลงสนามให้ เชลซี มา 5 นัดติดต่อกันแล้ว และอาจจะยังไม่ชัวร์สำหรับเกมลีกนัดสุดท้าย ของฤดูกาลนี้ ขณะที่ ฟิกาโย โทโมรี และ บิลลี กิลมัวร์ จะไม่มีชื่อแน่นอนแล้ว

เป็นที่คาดกันว่า แลมพาร์ด จะกลับไปใช้กองหลัง 4 คน เหมือนเดิม ในการพบกับ วูล์ฟ นั้นหมายความว่า เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า น่าจะโดนจับไปเล่นแบ็คว้าน ส่วน รีซ เจมส์ จะเล่นเป็นแบ็คขวา

จอร์จินโญ น่าจะกลับไปเป็นตัวจริงอีกครั้ง เช่นเดียวกับ คริสเตียน พูลิซิช ที่เป็นตัวสำรองในเกมที่แอนฟิลด์ หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

อีกตำแหน่งที่ต้องนึกถึงก็คือ แทมมี อบราฮัม ซึ่งทำไปแล้ว 6 ประตู ในการพบกับวูล์ฟ 3 นัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการทำแฮตทริกใส่ จนช่วยให้สิงห์บลู ชนะไป 5-2 ในนัดก่อนหน้านี้

ขณะที่วูล์ฟก่อนจะเดินทางไปลอนดอนตะวันตก นูโน ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะเจ็บหรือติดโทษแบน

วูล์ฟ ไม่สามารถมองไกลไปถึงยูโรป้าลีก ที่จะพบกับ โอลิมเปียกอสได้ โดยนูโนต้องจัดชุดทที่ดีที่สุด ลงเล่นในวันอาทิตย์นี้ก่อน

ดาเนียล โพเดนซ์ ทำผลงานได้น่าประทับใจนับตั้งแต่รีสตาร์ทเมื่อเดอนก่อน และคิดว่าน่าจะได้เป็นตัวจริงอีกครั้ง ร่วมกับตัวหลักอย่าง ราอูล ฆิเมเนซ ที่น่าจะได้ประสานงานกับ อดาม่า ตราโอเร่ หรือ ดีเอโก้ โจต้า

11 ตัวจริงที่น่าจะลงสนามของเชลซี

เกป้า, เจมส์, รูดีเกอร์, ซูมา, อัซปิลิกวยต้า, โควาซิช, จอร์จินโญ, เมาท์, วิลเลียน, ชิรูด์, พูลิซิช

11 ตัวจริงที่น่าจะลงสนามของ วูล์ฟ

ปาทริซิโอ, โบลี, โคอาดี้, ซาอิสส์, โดเฮอร์ตี้, เนเวส, มูตินโญ, จอนนี, โพเดนซ์, ฆิเมเนส โจต้า

คาดการณ์ผล – เชลซี ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1

ทั้งสองทีมต่างต้องการชัยชนะในวันอาทิตย์ เพื่อรักษาตำแหน่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยผลการแข่งขันถือว่าสำคัญต่อทั้ง 2 ทีม แต่สถิติการเจอวูล์ฟในบ้านของเชลซี พวกเขาไม่แพ้ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เลย นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 1979 และเราน่าจะเห็นพวกเขาคว้าชัยชนะในเกมสุดท้ายได้สำเร็จ