ในรอบก่อนหน้านี้ แอตเลติโก มาดริด เอาชนะ ลิเวอร์พูล แชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 5 จาก 7 ปี ขณะที่ อาร์เบ ไลป์ซิก เข้ามาถึงรอบนี้ได้เป็นครั้งแรก

เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว ที่ แอตเลติโก มาดริด ไม่ได้ทำการแข่งขันรายการนี้ หลังจากที่เอาชนะ ตัวเต็งอย่างลิเวอร์พูล ที่ผิดพลาดเอง จากอาเดรียน ประตูมือ 2

ทีมของดีเอโก ซิเมโอเน่ ทำผลงานในเกมระดับนานาชาติได้ดีอย่างต่อเนื่อง จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็ง หลังไม่ค่อยพลาดเท่าไหร่ในช่วง 6 ปี หลัง รวมถึงฤดูกาลนี้ของพวกเขา

การจับสลากถือว่าเป็นใจสำหรับตราหมี ที่พวกเขาได้มาเผชิญหน้ากับ ไลป์ซิก ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และอีกหนึ่งคู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย คือการพบกัน ระหว่าง อตาลันต้า กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง

แอต.มาดริด กำลังอยู่ในฟอร์มทีดี ก่อนเดินทางมาลงแข่งขันในเกมนี้ ที่จะต้องเตะกันแบบนัดเดียวจบ เนื่องจากการแพรระบาดของไวรัส

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ สมควรได้รับคำชม หลังเอาชนะ ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า และทำให้ทีมของเขามีความมั่นใจว่าพวกเขาพร้อมเอาชนะทุกทีม

หลังจากที่จบอันดับ 3 ในลาลีกา โดยตามหลัง 2 ทีมใหญ่ ทำให้ ตอนนี้ แอต.มาดริด สามารถโฟกัสไปที่บอลยุโรปได้อย่างเต็มตัว และพวกเขาก็มีสถิติที่ดีในการเจอกับทีมจากเยอรมัน

ในรอบน็อคเอาท์ แชมเปี้ยนส์ลีก ตราหมีสามารถผ่านทีมจากบุนเดสลีกา ไปได้เสมอ ทั้งการเจอกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในปี 2015 และ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2016

อย่างไรก็ตาม ทาง ไลป์ซิกเอง ก็มองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ของพวกเขา

ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เองก็สามารถพาทีมคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลลีกในประเทศ และตลอดช่วงหลังพวกเขาแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้น ใน 15 นัดสุดท้าย และเป็นการแพ้ต่อทีมอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เสียด้วย

ไลป์ซิก คว้าแชมป์กลุ่มมาได้ ก่อนที่จะเอาชนะรอบน็อคเอาท์ได้เป็นครั้งแรก และเป็นการถล่ม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ไปด้วยสกอร์รวม 4-0

ติโม แวร์เนอร์ เปิดซิงด้วยจุดโทษ แต่ตอนนี้เขาได้ย้ายไปอยู่กับเชลซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถือเป็นปัญหาใหญ่ของ ไลป์ซิก ณ เวลานี้

แน่นอนว่าทีมกระทิงแดง มีนักเตะมากความสามารถหลายราย แต่ก็ต้องมองดูว่าพวกเขาจะรับมือกับการไม่มีแวร์เนอร์ ได้ดีแค่ไหน

ความพร้อมของทั้งสองทีม

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แอต.มาดริด ยืนยันว่า จอมทัพของพวกเขาอย่าง อังเคล คอร์เรอา และ ซิเม เวอร์ซัลโก้ แบ็คขวา ติดเชื้อโควิด เมื่อช่วงสุดสัปดาห์

โดยทั้ง 2 คน ต่างต้องกักตัวที่บ้านและไม่สามารถมาเข้าร่วมทีมในเกมวันพฤหัสบดีนี้ได้ แม้จะไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนก็ตาม

ส่วนนักเตะคนอื่นๆต่างผ่านการทดสอบ และมีผลเป็นลบ หมายความว่าเกมนี้ ยูฟ่า จะยังให้เดินหน้าแข่งขันตอไปตามแผนที่วางไว้

นอกจากผู้เล่นทั้ง 2 คน ขุมกำลังคนอื่นของซิเมโอเน่ ถือว่าพร้อมสมบูรณ์ ทั้งในส่วนของ อัลบาโร โมราต้า ที่ยิงในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอาท์ไป 8 ลูกจากการลงสนามทั้งหมด 15 นัด แต่ ดีเอโก้ คอสต้า อาจจะได้โอกาสลงไปจับคู่กับ เจา เฟลิกซ์ ก่อน

ด้าน ไลป์ซิก การไม่มีแวร์เนอร์ ทำให้แดนหน้า นาเกิลส์มันน์ ต้องฝากความหวังที่ ยุสซูฟ โพลเซน และ พาทริค ชิค นั่นหมายถึงการเล่นในระบบเดิมอย่าง 3-5-2 แต่ตัวโพลเซน เองก็มีอาการบาดเจ็บ จนไม่ได้ลงสนามในฟุตบอลลีกช่วงโค้งสุดท้าย และนี่ถือเป็นการลงสนามนัดแรกในรอบ 5 สัปดาห์ อาจจะทำให้ทีมจากเยอรมันมีปัญหาเล็กน้อย

คาดการณ์ 11 ตัวจริง อาร์เบ ไลป์ซิก

กูลาคซี, คลอสเตอร์มันน์, อูปาเมกาโน, ฮัลสเตนเบิร์ก, มูกิเอเล่, ไลเมอร์, ซาบิตเซอร์, อังเคลิโญ, เอ็นคูนคู, โอลโม, ชิค

คาดการณ์ 11 ตัวจริง แอตเลติโก มาดริด

โอบลัค, ทริปเปียร์, ซาวิช, กิเมเนซ, โลดี้, ยอเรนเต้, ปาร์เตย์, ซาอูล, โกเก้, เฟลิกซ์, คอสต้า

คาดการณ์ผล อาร์เบ ไลป์ซิก เสมอ แอตเลติโก มาดริด 0-0 (แอต.มาดริด ชนะจุดโทษ)

ไลป์ซิกเก็บคลีนชีตได้ 3 จาก 5 นัดหลังสุดของพวกเขาในบอลยุโรป ขณะที่ แอต.มาดริด ก็แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่เหนียวแน่นของพวกเขาในการเจอกับ ลิเวอร์พูล และถือเป็นจุดเด่นของพวกเขา

ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต้องมาเล่นกันอย่างรัดกุม ในการเจอกันที่ ลิสบอน เพราะการพลาดครั้งเดียวจะทำให้พวกเขาต้องเดินทางกลับจากลิสบอนได้ทันที