ยูเวนตุส พบกับ โอลิมปิก ลียง

ยูเวนตุส จะเปิดเมือง ตูริน รับการมาเยือนของลียง ในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลก 2 ในคืนวันศุกร์นี้ โดย ยูเวนตุส เสียเปรียบหลังบุกไปแพ้มาก่อน 0-1

ประตูของ ลูคัส ทอสซาร์ ในครึ่งแรก เพียงพอที่จะทำให้ลียง กุมความได้เปรียบจากเกมแรก ซึ่งเป็นเกมสุดท้าย ก่อนที่ไวรัสจะแพร่ระบาดจนส่งผลกระทบต่อวงการกีฬา

ยูเวนตุส ทำผลงานในเกมระดับนานาชาติได้ไม่ค่อยดีนัก หากเทียบกับ ผลงานในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี กำลังมองหาแชมป์นอกประเทศรายการแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1995/96 และในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุด ยูเว่ ก็มาได้ไกลเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ยูเวนตุส เพิ่งได้ฉลองหลังคว้าแชมป์ลีกของอิตาลี เป็นสมัยที่ 9 ติดต่อกัน แต่ช่วงโค้งสุดท้าย พวกเขาทำผลงานได้น่าผิดหวัง หลังแพ้ไป ถึง 3 นัด จาก 4 เกมหลังสุด และเกมนัดสุดท้ายก็เป็นการพ่ายคาบ้านต่อ โรมา 1-3

อย่างไรก็ตามพวกเขายังสามารถคว้าแชมป์มาครองได้อีกครั้ง และเมื่อภารกิจในประเทศเสร็จแล้ว ทำให้ซาร์รี หันมาโฟกัสในการรับมือกับ ลียง ที่พวกเขาเองก็ต้องการที่จะเปลี่ยนฟอร์มการเล่นในสนาม

ขณะเดียวกัน ลียง เพิ่งกลับมาลงแข่งขันเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่ล็อคดาวน์ และเป็นการพ่ายใน เฟรนช์ ลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ ต่อ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง แชมป์ลีกเอิง ในช่วงการดวลจุดโทษ

หลังจากที่มีผลงานในลีก เอิง น่าผิดหวัง ในฤดูกาลที่ผ่านมา ลียง ก็มีการอุ่นเครื่องที่ดี หลังเอาชนะได้ทั้ง นีซ, เซลติก และ เกนท์ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ รูดี้ การ์เซีย ก็ต้องพ่ายคาบ้านต่อ เรนเจอร์ส ไป จข/

โอแอล ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ของแชมเปี้ยนส์ลีก อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเลย นับตั้งแต่ฤดูกาล 2009/10 ที่พวกเขาผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ บาเยิร์น มิวนิค

นอกจากนี้พวกเขายังไม่เคยคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้เลย และ การ์เซีย เองก็มีงานที่ยากพอสมควร ในการรับมือ คริสเตียโน โรนัลโด้ และนักเตะคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ลียง กุมความได้เปรียบมาก่อนในเกมแรก ที่เจอกับ ยํกษ์จากอิตาเลียน

โดย ผู้ชนะของคู่นี้จะผ่านเข้ารอบไปพบกับ ผู้ชนะระหว่าง เรอัล มาดริด หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะต้องแข่งขันในวันเดียวกัน

ความพร้อมของทั้งสองทีม

เปาโล ดีบาล่า กองหน้าของยูเวนตุส เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าของ เซเรีย อา ฤดูกาล 2019/20 และคาดว่าน่าจะสลัดอาการบาดเจ็บกลับมานำทีมม้าลายได้

ซาร์รี เกมนี้จะไม่สามารถใช้บริการของ มัตเตีย เด ชีโญ ที่มีอาการบาดเจ็บที่ต้นขาจากเกมกับ อูดิเนเซ เช่นเดียวกับ ดั๊กลาส คอสต้า

โดยในเกมล่าสุดที่พบกับ โรมา ซาร์รี ได้ส่งทีมสำรองลงสนาม ซึ่งคาดว่าตัวหลักน่าจะกลับมาพร้อม ทั้งในส่วนของ มัตไตจ์ เด ลิกต์ ที่น่าจะกลับมาบัญชาเกมในแนวรับ แม้จะมีปัญหาที่หัวไหล่

สำหรับ ลียง ยุสซูฟ โคเน่ แบ็คซ้าย ยังอยู่ในโรงหมอ ขณะที่ ทอสซาร์ ก็มีอาการบาดเจ็บเช่นกัน

มาร์เซโล และ เคนนี เตเต้ ต่างต้องเช็คอีกครั้ง สำหรับ ทีมของการ์เซ๊ย หลังจากที่ไม่มีชื่อในเกมแรก เพราะอาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม คาดว่า เมมฟิส เดปาย น่าจะมีชื่อในเกมนี้ นั่นหมายความ คาร์ล โตโก้ เอคามบี จะต้องหลุดไปเป็นตัวสำรอง

คาดการณ์ 11 ตัวจริง ยูเวนตุส

เชสนีย์, กวาดราโด้, โบนุชชี, เด ลิกต์, ซานโดร, เบนทาคูร์, ปานิช, ราบิโอต์, แบร์นาเดสคี, ดีบาล่า, โรนัลโด้

คาดการณ์ 11 ตัวจริง ลียง

โลเปส, ดูบัวส์, เดนาเยอร์, แอนเดอร์เซน, มาร์คัล, อาอูอาร์, เมสเดส, คอร์เนต, แรน อเดไลเด้, เดปาย, เดมเบเล่

คาดการณ์ผล ยูเวนตุส เอาชนะ ลียง 3-0

ทั้งยูเวนตุส และ ลียง ไม่สามารถทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ตามที่พวกเขาหวังไว้ กับฟุตบอลในประเทศ แต่ยูเวนตุสได้พิสูจน์แล้วว่ายามที่พวกเขาเล่นในบ้าน พวกเขาทำผลงานได้ดีเสมอ และการได้ดีบาล่า กลับมา เชื่อว่า ม้าลาย น่าจะเป็ฯฝ่ายคว้าชัยชนะในเกมนี้ และผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศต่อไป

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เรอัล มาดริด

เรอัล มาดริด จะต้องพยายามพลิกสถานการณ์กลับมาให้ได้ หลังพ่ายมาก่อน 2-1 และเกมนี้พวกเขาจะต้องบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันศุกร์ ของรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลก 2 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เกมแรกที่ทั้งสองทีมเจอกันที่ เบร์นาบิว นั้นต้องย้อนกลับไปถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นทางฝั่งของ แมนฯซิตี้ ที่คว้าชัยชนะ นั่นหมายความว่า มาดริด มีงานที่ต้องทำเยอะมาก หากพวกเขาต้องการผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ

มันเป็นเรื่องปกติที่จะพูดว่า ฤดูกาลนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ โดยเฉพาะแมนฯซิตี้ ที่จะต้องเล่นเกมนี้แบบไร้แฟนบอลตามที่พวกเขาหวัง แน่นอนว่าการเสียแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้กับลิเวอร์พูล และการพ่ายต่อ อาร์เซนอล 0-2 ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างมาก

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ทีมของเป็ป กวาร์ดิโอลา คว้าแชมป์ลีก คัพ มาครองได้ด้วยการเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ในรอบชิงชนะเลิศ ไปด้วยสกอร์ 2-1 แต่แม้จะมีถ้วยใบนี้มาประดับ มันก็คือเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังสำหรับทีม

ทีมใหญ่จากอังกฤษ อยู่ในตำแหน่งที่ดีในแชมเปี้ยนส์ลีก และมีโอกาสสูงกว่าในการผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย จากการบุกไปชนะมาก่อนที่เบร์นาบิว 2-1 ในเลกแรก ของรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดย มาดริด ได้ประตูจาก อิสโก้ ก่อนที่ ซิตี้ จะมาได้ กาเบรียล เฆซุส และ เควิน เด บรอยน์ ที่ทำคนละประตู

ผลของเกมแรก น่าจะทำให้เรือใบสีฟ้า พอใจในระดับหนึ่ง แต่การไม่ได้แข่งอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา อาจจะทำให้อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป

แมนฯซิตี้ เอง ปิดจ็อบในพรีเมียร์ลีก ด้วยการ ถล่ม นอริช ซิตี้ นัดสุดท้าย 5-0 ทำให้พวกเขามี 81 คะแนนในพรีเมียร์ลีก ตามหลังทีมแชมป์อย่างลิเวอร์พูล 18 คะแนน นับตั้งแต่กลับมาลงสนามในช้วงเดือนมิถุนายน พวกเขาทำประตูได้ถล่มทลาย แต่ก็พลาดท่าพ่ายต่อ เชลซี, เซาแธมป์ตัน รวมถึง อาร์เซนอล

ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาลก่อน แมนฯซิตี้ พลาดท่าพ่ายต่อ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส มา โดยในรอบน็อคเอาท์ 5 ครั้งหลังสุดท้ายที่พวกเขาเจอกับทีมจากสเปน พวกเขาชนะ แค่ 1 จาก 5 ครั้งเท่านั้น และเป็นความพ่ายแพ้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลพอสมควรในการรับมือกับทีมแชมป์ลาลีกา ปีล่าสุด

ย้อนกลับไปรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2016/17 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พ่ายคาบ้านต่อทีมจากสเปน อย่าง บาร์เซโ,นา 1-3 และการเจอกับทีมสเปนในบ้าน พวกเขาชนะไป 4 ครั้ง และ แพ้ 2 ส่วนที่เหลือเป็นผลเสมอ

ทีมของกวาร์ดิโอลา ถือเป็นตัวเต็งที่จะได้ผ่นเข้ารอบต่อไป หากมองจากผลการแข่งขัน เลกแรก เมื่อเดือนมีนาคม แต่มาดริดก็ต้องการผ่านเข้ารอบเช่นกัน และการแข่งขันรายการนี้ มักจะมีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นเสมอ นั่นหมายความทุกอย่างยังเป็นไปได้ และต้องมารอดูกันว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะรับมือ โลส บลังโกส และผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้หรือไม่

ฟอร์มของ มาดริด หลังล็อคดาวร์ ถือว่าสุดยอดมาก เพราะมันทำให้พวกเขา ฉกถ้วยลาลีกามาจาก บาร์เซโลนา พร้อมมีคะแนนเหนืออยู่ 5 แต้ม โดย โลส บลังโกส กวาดชัยชนะ 10 นัดติดต่อกันในเกมลีก ก่อนที่เกมสุดท้ายในวันที่ 19 กรกฎาคม พวกเขาจะเสมอกับ เลกาเนส 2-2

ทีมของซีเนดีน ซีดาน มีเวลาเตรียมทีมนานกว่า แมนฯซิตี้ ในความเป็นจริง เพราะ ทีมจากอังกฤษ ยังต้องเล่นพรีเมียร์ลีก อีก 2 นัด หลังจากที่มาดริด ลงเล่นเกมสุดท้าย ไม่แน่ว่าด้วยเหตุผลดังกล่าวจะส่งผลต่อเกมนี้หรือไม่

โดยทีมเยือน จะไม่มี เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมในเกมนี้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของทีม นับตั้งแต่กลับมาลงสนามในช่วงเดือนมิถุนายน และไม่ต้องถาม แมนซิตี้ เลยว่า พวกเขาจะเลือกโจมตีจุดนี้หรือไม่

ฤดูกาลที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2009/2010 ที่ มาดริด ไม่สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิสได้ หลังจากที่พลาดท่าพ่ายต่อ อาแจ็กซ์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และการตกรอบครั้งนั้น ทำให้ทีมโดนโจมตีอย่างหนัก

และในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้ ทีมของซีดาน เก็บไปได้ 11 คะแนน และจบด้วยการเป็นอันดับ 2 ตามหลัง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ในกลุ่มบี ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเป็นรองแชมป์กลุ่มมาแล้ว 3 จาก 4 ครั้งหลังสุด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากที่พวกเขาสามารถกรุยทางไปสู่แชมป์ได้

มาดริด ชนะมาใน 7 ครั้งหลังสุดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ในขณะเดียวกัน พวกขเาก็เก็บชัยชนะไปได้ 16 ครั้ง ในเกมออกมาเยือนเกมยุโรป ทั้งหมด 25 ครั้ง และแพ้เพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดี

โดยทีมจาก สแปนิช ยังชนะไปถึง 8 จาก การเล่นรอบน็อคเอาท์ 12 ครั้ง ในฟุตบอลยุโรป ในการเจอกับทีมจากอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอาชนะ แมนฯซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศ เมื่อปี 2016 ด้วยสกอร์ 1-0

ที่กล่าวมาคือ มาดริด แพ้ในเลกแรกของฟุตบอลยุโณป ในบ้านเพียงแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ และยังสามารถเข้ารอบต่อไปได้ มันเกิดขึ้นในปี 1971 สำหรับ โลส บลังโกส หากเกมแรก พวกเขาเสมอมา 1-1 มันก็น่าจะมีโอกาส แต่จุดโทษของ เควิน เด บรอยน์ ก่อนหมดเวลา 7 นาที ทำให้ แมนฯซิตี้ ยังกุมความได้เปรียบในเกมที่สอง

ความพร้อมของทั้งสองทีม

แมนซิตี้ จะไม่มี เซร์คิโอ อเกวโร ที่มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า เช่นเดียวกับ เบนจาแมง เมนดี้ ที่ติดโทษแบน หลังได้รับใบเหลืองมาจากเกมที่ เมืองหลวงของสเปน

เจา คันเซโล ได้เป็นตัวจริงในเกมล่าสุดที่พบกับ นอริช ในตำแหน่งแบ็คซ้าย นั่นแปลว่าเกมนี้ เขาอาจจะได้รับโอกาสอีกครั้ง เช่นเดียวกับ กาเบรียล เฆซุส ที่มีแนวโน้มจะได้ยืนเป็นกองหน้า

ขณะเดียวกัน เอริค การ์เซีย ที่ตกเป็นข่าวย้ายทีมมาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะโดนดร็อปทำให้ อายเมริค ลาปอร์กต์ ได้จับคู่กับ แฟร์นานดินโญ ในตำแหน่งกองหลังตามเดิม ขณะที่กองกลาง 3 คน โรดรี้ น่าจะได้ประสานงานกับ อิลกาย กุนโดกัน และ เควิน เด บรอยน์ ในขณะที่ ริยาด มาห์เรซ น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงก่อน ฟิล โฟเด้น และ แบร์นาโด้ ซิลวา ในแผงเกมรุก ร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ เฆซุส

ด้าน มาดริด รามอส กัปตันทีมจะพลาดเกมนี้ เนื่องจากติดโทษแบน จาก ใบแดงที่เบร์นาบิว นั่นทำให้ เอแดร์ มิลิเตา น่าจะได้จับคู่กับ ราฟาเอล วาราน ขณะที่ ฟลอร็องด์ เมนดี้ น่าจะได้เป็นแบ็คซ้ายก่อน มาร์เซโล

เฟเดริโก้ บัลเบรเด้ น่าจะเป็นตัวสำรองไปก่อน เพื่อเปิดทางให้ โทนี โครส จับคู่กับ ลูก้า โมดริช หลังทั้งคู่ทำผลงานได้น่าประทับใจ นับตั้งแต่หมดล็อคดาวน์ ขณะที่ ซีดาน ต้องตัดสินใจในแผงแนวรุก แน่นอนว่า คาริม เบนเซม่า น่าจะได้โอกาส ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ร่วมกัน มาร์โก้ อเซนซิโอ และ เอเด็น อาซาร์ แม้รายหลังจะมีอาการบาดเจ็บมากมายในฤดูกาลนี้

อาซาร์ ยิงประตูไปได้เพียงลูกเดียวเทนั้นในช่วงหลัง และไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับทีมเท่าไหร่ รวมถึงเกมสุดท้ายในลีกที่พบกับ เลกาเนส เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม อดีตดาวเตะของเชลซ๊ กลับมาซ้อมได้อย่างเต็มที่แล้วก่อนเกมนัดนี้ และน่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงทางฝั่งซ้าย

คาดการณ์ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เอแดร์ซอน, วอล์คเกอร์, แฟร์นานดินโญ, ลาปอร์กต์, คันเซโล่, โรดรี้, กุนโดกัน, เด บรอยน์, สเตอร์ลิง, กาเบรียล เฆซุส, มาห์เรซ

คาดการณ์ 11 ตัวจริง เรอัล มาดริด

กูร์ตัวส์, การ์บาฆาล, วาราน, มิลิเตา, เมนดี้, คาเซมิโร่, โมดริช, โครส, อาซาร์, เบนเซม่า, อเซนซิโอ

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม

ทั้งสองทีมเคยเผชิญหน้ากันมาทั้งหมด 5 ครั้งก่อนหน้านี้ และเป็นมาดริดที่ทำได้ดีกว่า หลังชนะไป 2 เสมอ 2

ทั้ง 2 ทีมเจอกันครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2012/13 ในรอบแบ่งกลุ่ม และเป็นมาดริด ที่ชนะไป 3-2 ในบ้าน และ บุกไปเสมอที่เอติฮัด สเตเดียม 1-1

และการพบกันของทั้งสองทีมอีกครั้งเกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศฤดูกาล 2015/16 และเป็นแชมป์ลาลีกา ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ด้วยผลสกอร์รวม 1-0

ดังนั้นชัยชนะของ แมนฯซิตี้ 2-1 ในเลกแรก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาที่มีต่อ โลส บลังโกส

คาดการณ์ผล แมนฯซิตี้ เสมอ เรอัล มาดริด 2-2

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มาดริด ยังมีโอกาสพลิกกลับมา แต่เราคิดว่ามันยาก ที่ แมนฯซิตี้ จะแพ้ที่เอติฮัด สเตเดียม แม้จะมองถึงปัญหามากมายในฤดูกาลนี้ก็ตาม มันคงไม่แปลกใจหากเกมนี้จะยืดออกไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และ อาจจะไปถึงจุดโทษ แต่เราเชื่อว่ามันมีโอกาสที่จะจบลงด้วยการเสมอ 2-2 สูง และทำให้ทีมของกวาร์ดิโอลา ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของการแข่งขันฤดูกาลนี้