บาร์เซโลนา พบกับ นาโปลี

บาร์เซโลนา จะเปิดรังคัมป์ นู รับมือ นาโปลี ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกที่สอง ในคืนวันเสาร์นี้

เกมแรก ที่แข่งขันกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 โดยผู้ชนะของคู่นี้จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป และต้องไปแข่งขันกันที่ ลิสบอน

บาร์ซา คงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในเกมวันเสาร์นี้ หลังจากที่พวกเขาพลาดแชมป์ลาลีกาฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งที่พวกเขาครองจ่าฝูงมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็โดน เรอัล มาดริด คู่ปรับปาดหน้าในช่วงโค้งสุดท้าย

เจ้าบุญทุ่มประสบปัญหาเยอะมากในฤดูกาลนี้ แต่การแข่งขันยังต้องดำเนินต่อไป แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสเข้ามาก็ตาม

ในเลกแรกที่ อิตาลี พลพรรอาซูลกรานา กุมความได้เปรียบ มา หลังจากที่ อองตวน กรีซมันน์ ยิงให้ทีมควักผลเสมอ หลังโดน ดรีส์ เมอร์เทนส์ ยิงประตูออกนำไปก่อนในครึ่งแรก

ตลอดการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก 35 นัดหลังสุดในบ่าน บาร์เซโลนาไม่แพ้ใครเลย และการเจอกับทีมจากอิตาลี พวกเขาก็ไม่เคยแพ้เลย และเป็นชัยชนะถึง 12 นัด ในบ้านของพวกเขา

แชมป์ยุโรป 5 สมัย คว้าแชมป์ครั้งล่าสุดนั้นต้องย้อนไปถึงปี 2015 และฤดูกาลที่แล้วก็เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่ต้องตกรอบแบบน่าเหลือเชื่อ ทั้งที่พวกเขาชนะลิเวอร์พูลในบ้านมาก่อนถึง 3-0

ในฤดูกาล 2019/20 นาโปลี ก็ถือเป็นอีกทีมที่ทำผลงานในลีกได้น่าผิดหวัง หลังจบด้วยการเป็นอันดับ 7 โดยมีแต้มตามหลังท็อปโฟร์ อย่าง ลาซิโอ ถึง 16 คะแนน

อย่างไรก็ตาม เกมลีกนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เจนนาโร กัตตูโซ ก็สามารถพาทีมเอาชนะ ลาซิโอ ได้ 3-1 และแน่นอนว่าเขามีแมตช์ฟิตมากกว่า บาร์ซา หลังจากที่เพิ่งเสร็จสิ้นฟุตบอลลีกมา

อันที่จริง นาโปลี นั้นไม่เคยผ่านรอบนี้ของแชมเปี้ยนส์ลีกไปได้เลย หลังจาก ที่ พ่ายต่อ เชลซี และ เรอัล มาดริด ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2 ครั้งหลังสุด ยิ่งไปกว่านั้น ในการแข่งขันรายการนี้ ทีมจากอิตาเลียน เพิ่งชนะไป 7 จาก 21 นัดหลังสุด และเป็นการพ่าย 4 ครั้งรวด ในการเจอกับทีมจากสเปน

พวกเขาแพ้ในการไปเยือน สเปน 3 ครั้งหลังสุด และการเจอกันทั้งหมด 5 ครั้ง พวกเขาก็ชนะไปเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ทำให้ทีมจากอิตาเลียน เป็นรองพอสมควร

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่แพ้เลยในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ และยังสามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า ในบ้านรอบแบ่งกลุ่ม และยังไปเก็บแต้มที่แอนฟิลด์ ได้อีกด้วย

ความพร้อมของทั้งสองทีม

ด้วยอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ทำให้ บาร์ซา จะหมดสิทธิ์ใช้งานกองหลัง อย่าง ซามูเอล อุมตีตี้ ขณะเดียวกับ เซร์คิโอ บุสเกสต์ และ อาร์ตูโร่ วิดัล ต่างก็ติดโทษแบนหมดสิทธิ์ลงสนามในเกมนี้

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อุสมาน เดมเบเล่ สามารถฝึกซ้อมกับทีมได้แล้ว หลังจากที่อาการบาดเจ็บที่แฮมสตริงเริ่มดีขึ้น แต่เขาอาจจะยังไม่มีชื่อในเกมนี้ หลังจากห่างสนามไปนาน

กรีซมันน์ และ เคลมองต์ ลองเลต์ และ เฟรงกี้ เด ยอง ทุกคนหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว และน่าจะได้เป็นตัวจริง ขณะที่ อิวาน ราคิติช ก็น่าจะเป็นอีกคนที่ได้ลงสนาม

ขณะที่หลุยส์ ซัวเรซ ที่เจ็บจนต้องพลาดเลกแรก น่าจะกลับมาเป็น 3 ประสานในแดนหน้า ร่วมกับ กรีซมันน์ และ ลิโอเนล เมสซี

ด้าน นาโปลี คอสตาส มาโนลาส มีอาการบาดเจ็บที่ซี่โครง จึงน่าจัไม่ได้ลงสนามในเกมนี้ แต่พวกเขาก็ยังลุ้นให้ ลอเรนโซ อินซิเญ หายเจ็บที่ต้นขา และกลับมาลงสนามได้ทันเวลา

เมื่อสุดสัปดาห์ อินซิเญ ได้รับบาดเจ็บ จากเกมกับ ลาซิโอ และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เขาซ้อมเดี่ยวได้แล้ว และพยายามเรียกความฟิต เพื่อให้พร้อมสำหรับเกมที่คัมป์ นู

นอกจากนี้ นิโคลา มัคซิโมวิช ก็มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข้า ส่วน กองหลังอย่าง คาลิดู คูลิบาลี ที่พลาดลงสนามในเเลกแรก เพราะอารบาดเจ็บที่ขา น่าจะฟิตพร้อมสำหรับเกมนี้

ฟาเบียน รูอิซ อีกหนึ่งนักเตะ ที่มีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ น่าจะได้ยืนเป็นกองกลางสามคน ร่วมกับ ปิโอเตอร์ ซิลินสกี้ และ ดีเอโก้ เดมเม่

คาดการณ์ 11 ตัวจริง บาร์เซโลนา

แตร์ สเตเก้น, เซเมโด้, ปิเก้, ลองเลต์, อัลบ้า, โรแบร์โต้, ราคิติช, เด ยอง, เมสซี, ซัวเรซ, กรีซมันน์

คาดการณ์ 11 ตัวจริง นาโปลี

ออสพินา, ไฮซาจ, ดิ ลอเรนโซ, คูลิบาลี, มาริโอ รุย, รูอิซ, เดมเม่, ซิลินสกี้, กาเยฆอน, เมอร์เทนส์, อินซิเญ

คาดการณ์ผล – บาร์ซา ชนะ นาโปลี 2-1

บาร์ซา มีปัญหามากมายในฤดูกาลนี้ และเราคิดว่าเกมนี้น่าจะสูสีกัน นาโปลี มีจุดที่ต้องพัฒนาอย่างมากมาย และมันก็ยากที่จะผ่านทีมอย่างกีเก้ เซเตียน ที่คัมป์ ยูได้ และเราคาดว่า บาร์ซา น่าจะได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้แบบหวุดหวิด

บาเยิร์น มิวนิค พบกับ เชลซี

เชลซี ต้องบุกไปเยือน บาเยิร์น มิวนิค ในคืนวันเสาร์ ของรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลก 2 ในแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเกมแรก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เชลซี แพ้คาบ้านมา 0-3

ในช่วง 6 เดือนทีผ่านมา ก่อนที่ทั้งสองทีมจะพบกันอีกครั้ง มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่ บาเยิร์น ก็กุมความได้เปรียบจากเกมแรกแบบท่วมท้นในการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ท้าย ไปรอพบผู้ชนะ จาก นาโปลี หรือ บาร์เซโลนา

บาเยิร์น สร้างผลงานได้น่าประทับใจที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ และต้องขอบคุณความยอดเยี่ยมของเซิร์จ กนาบรี และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้น ใน 90 นาที หลัง

โดยจากสถิติตลอด 92 ครั้งก่อนหน้านี้ ระบุว่า ทีมที่แพ้ในบ้านมาก่อน 3 ลูกหรือมากกว่านั้น ไม่มีทีมไหนเลยที่พลิกกลับมาได้

นั่นแปลว่า มันเป็นภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเชลซี ในศึกครั้งนี้ และล่าสุด พวกเขาเพิ่งพ่าย อาร์เซนอล ในนัดชิง เอฟเอ คัพ มาเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ทำให้การมาเยือนครั้งนี้ แทบไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย

เกมดังกล่าว พวกเขาอุตส่าห์ออกนำก่อน จาก คริสเตียน พูลิซิช แต่ก็มาโดนทีเด็ดของ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง เหมาคนเดียวสองลูกให้อาร์เซนอล คว้าแชมป์ไปครอง

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่ปีแรกของแลมพาร์ด แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง และมองเห็นว่าทีมยังสามารถพัฒนาได้ หลังจากที่พวกเขาไม่สามารถซื้อนักเตะได้เลย แต่ก็ยังจบในตำแหน่งท็อปโฟร์ได้

สิงห์บลู ผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้หวุดหวิด หลังต้องอยู่ร่วมสายกับทีมอย่าง บาเลนเซีย, ลีลล์ และ อาแจ็กซ์์

หลังผลการจับสลาก เมื่อเดือนธันวาคมออกมา พวกเขาต้องเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบน็อคเอาท์ ทำให้แฟนๆเชลซี หวังว่าพวกเขาจะโค่นเสือใต้ได้เหมือนนัดชิงชนะเลิศ ปี 2012

อย่างไรก็ตาม มันแสดงให้เห็นแล้วว่านี่คือฝันร้ายของแลมพาร์ด ในการแข่งขันนัดแรก ของทั้งสองทีม โดยบาเยิร์น โชว์ฟอร์มได้ดีมาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้บาเยิร์น คงมองไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในสัปดาห์ต่อไปไว้บ้างแล้ว ว่าจะต้องเจอกับบาร์เซโลนา หรือ นาโปลี ที่ยังคาดเดาได้ยากว่าใครจะผ่านเข้ามา แต่คาดว่า ฮันซี ฟลิค น่าจะส่งตัวจริงลงเต็มสูบ หลังจากร้างสนามไปนาน เพื่อให้นักเตะตัวหลักมีแมตช์ฟิต

เพราะเกมล่าสุดของบาเยิร์น นั้นต้องย้อนไปถึง เดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศ ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ที่พวกเขาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ไป 4-2 ในการแข่งขันที่เบอร์ลิน

นอกจากนี้ ฟลิคยังพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา มาครองได้อีกสมัย และเป็นการชนะ 16 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนธันวาคมอีกด้วย

นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมต่อจาก นิโก้ โควัช ฟลิคพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และกำลังลุ้นเป็น ผู้จัดการทีมคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่พาทีมชนะ 5 นัดรวด ในการคุมในรายการนี้ต่อจาก ฟาบิโอ คาเปลโล และ หลุยส์ เฟอร์นานเดซ

ตั้งแต่นั้นมา ทีมแชมป์จากเยอรมัน ก็กลายเป็นตัวเต็งของรายการนี้อย่างเต็มตัว ในการลุ้นคว้าเทรเบิ้ลแชมป์

ความพร้อมของทั้งสองทีม

กราบรี ที่ยิงประตู 2 ลูก ในเกมก่อน เพิ่งซัดประตูชัยในเกมอุ่นเครื่องกับ มาร์กเซย์ เมื่อวันศุกร์

ฟลิคเผยว่าเขาจะจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ดังนั้น กนาบรี น่าจะได้เล่นร่วมกับ เลวานดอฟสกี้ ที่กำลังฟอร์มร้อนแรง เช่นเดียวกับ โธมัส มุลเลอร์

อย่างไรก็ตาม คิงส์ลีย์ โคม็อง ยังมีปัญหาที่กล้ามเนื้อ นั่นอาจจะทำให้ อิวาน เปริซิช น่าจะได้โอกาส

ขณะที่ แบงจาแมง ปาวาร์ น่าจะไม่พร้อม และเป็น โจชัว คิมมิช ที่น่าจะโดนถอยไปเล่นแบ็คขวาอีกครั้ง แม้ที่ผ่านมาจะโดนจับมาเล่นกองกลาง

ขณะที่เชลซี มีปัญหามากมาย จากเกมเอฟเอ คัพ เพราะพวกเขาต้องเสีย 3 นักเตะ อย่าง พูลิซิช, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ เปโดร ที่มีอาการบาดเจ็บ และไม่น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้

นอกจากนี้พวกเขาจะยังไม่มี รูเบน ลอฟตัส ชีค และ บิลลี กิลมัวร์ ขณะที่ มาร์กอส อลอนโซ ก็ติดโทษแบน เช่นเดียวกับ จอร์จินโญ ส่วน วิลเลียน กับ เอ็นโกโล่ กองเต้ ก็ยังไม่แน่ว่าจะฟิตสมบูรณ์หรือไม่

ส่วน เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ไม่ได้ลงสนามในสองเกมหลังสุดเลย จึงยากที่เดาว่า แลมพาร์ดจะส่งใครเฝ้าเสาในเกมนี้

คาดการณ์ 11 ตัวจริง บาเยิร์น มิวนิค

นอยเออร์, คิมมิช, บัวเต็ง, อลาบ้า, เดวีส์, โกเรตซ์ก้า, ติอาโก้, กนาบรี, มุลเลอร์, เปริซิช, เลวานดอฟสกี้

คาดการณ์ 11 ตัวจริง เชลซี

กาบาเยโร, ซูมา, คริสเตนเซน, รูดีเกอร์, เจมส์, บาร์คลีย์, โควาซิช, เอเมอร์สัน, เมาท์, ชิรูด์, ฮัดสัน โอดอย

คาดการณ์ผล – บาเยิร์น มิวนิค ชนะ เชลซี 2-1

การเล่นอลิอันซ์ อารีนา ครั้งล่าสุดเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเชลซี แต่การมาเยือนครั้งนี้ มันเป็นภารกิจที่ยากลำบากสำหรับพวกเขาเหลือเกิม โดย 7 นัดหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอาท์ สิงห์บลู แทบชนะใครไม่ได้เลย ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค ชนะมา 17 นัดติดต่อกัน เราจึงเห็นว่าผลลัพธ์น่าจะลงแบบนี้