ศึกฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันที่ 4 ก.ค. “แชมป์เก่า” บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกา เผชิญหน้ากับ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่โอลิมปิก สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน เกมนี้ “เสือใต้” ของกุนซือ ฮันส์ ดีเตอร์ ฟลิก จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม นำทัพโดย “เลวานดี้” โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงตัวเก่ง ส่วนทีมคู่ปรับจากลีกเดียวกันของกุนซือ ปีเตอร์ บอสซ์ ยังคงมี ไค ฮาเวิร์ตซ แนวรุกคนเก่งเป็นตัวชูโรง
ในช่วงครึ่งแรก “เสือใต้” ครองเกมได้เหนือกว่า และมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 2 ลูกจาก ดาวิด อลาบา ในนาทีที่ 16 และ แซร์จ กนาบรี้ ในนาทีที่ 24 จบครึ่งแรก บาเยิร์น มิวนิค ออกนำไปก่อน 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง “เสือใต้” หนีห่างเป็น 3-0 จาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในนาทีที่ 59 หลังจากนั้น “ห้างขายยา” ตีไข่แตกได้จาก สเวน เบนเดอร์ ในนาทีที 63 แต่ บาเยิร์น มิวนิค จะบวกเพิ่มได้อีกเม็ดจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ซัดเบิ้ลลูกที่ 2 ในนาทีที่ 89 ก่อนที่ เลเวอร์คูเซ่น จะมาได้ประตูปลอบใจอีกหนึ่งเม็ดในนาทีที่ 90 จากจุดโทษของ ไค ฮาเวิร์ตซ
หมดเวลาการแข่งขัน “เสือใต้” เป็นฝ่ายชนะ 4-2 ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ป้องกันแชมป์เดเอฟเอ โพคาล เอาไว้ได้อีกหนึ่งสมัย และเป็นการเข้าป้าย “ดับเบิ้ลแชมป์” จากการกวาดถ้วยแชมป์ได้ทั้ง 2 รายการเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมสถิติคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุดในวงการลูกหนังเมืองเบียร์ถึง 20 สมัยด้วย ส่วน เลเวอร์คูเซ่น ทำได้ดีที่สุดเพียงรองแชมป์