ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันที่1 ส.ค.ที่ผ่านมา “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล พบกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่เวมบลีย์ เกมนี้ อาร์เซนอล ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจให้ นิโกลาส์ เปเป้ ลงไปประสานแนวรุกร่วมกับ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ และ ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง ส่วน เชลซี ของกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ขยับ เมสัน เมาท์ ขึ้นไปช่วยแดนหน้าข้างเคียงกับ คริสเตียน พูลิซิช และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์

เริ่มเกมไปเพียง 5 นาที เชลซี ขึ้นนำไปก่อนจาก คริสเตียน พูลิซิช หลังจากนั้น “ปืนใหญ่” ตามตีเจ๊าได้จากจุดโทษของ ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง ในนาทีที่ 28 จบครึ่งแรก เสมอ 1-1 เข้าสู่ครึ่งหลัง อาร์เซนอล ได้มาได้ประตูชัยจาก ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง ซัดเบิ้ลเหมาอีกเม็ดในนาทีที่ 67 ก่อนที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เนื่องจาก มาเตโอ โควาซิช ถูกใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 73

หมดเวลาการแข่งขัน “ปืนใหญ่” เป็นฝ่ายชนะ 2-1 ทำให้ อาร์เซนอล เพิ่มสถิติคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้มากที่สุดถึง 14 สมัย และได้สิทธิ์ไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์แรกของ อาร์เตต้า ในฐานะกุนซืออีกด้วย