ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการดวลแข้งกันของ 2 ทีมบนหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดย “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี บุกไปเยือน “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ที่คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม

เกมนี้ทีมเยือนของกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด จัดผู้เล่นสำรองลงสนามผสมกับพวกตัวหลัก โดยแนวรุกใช้ 3 ประสาน คริสเตียน พูลิซิช, วิลเลี่ยน และ แทมมี่ อับราฮัม ส่วนเจ้าบ้านของกุนซือ เบรนแดน รอดเจอร์ส ส่งแข้งหลักลงสนามหลายคน แต่ยังคงใช้ เจมี่ วาร์ดี้ เป็นกองหน้าตัวเป้า

ในช่วงครึ่งแรก ทั้งสองทีมผลัดกันเปิดเกมเข้าใส่กันแบบสนุก แม้ทีมเยือนจะครองเกมได้เหนือกว่าเล็กน้อย แต่ยังไม่มีการยิงประตูเกิดขึ้น จบ 45 นาทีแรก เสมอ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง เชลซี เปลี่ยน รอสส์ บาร์กลีย์ ลงสนาม และเป็นตัวสำรองรายนี้ที่ลงไปยิงประตูชัยได้ในนาทีที่ 63 หมดเวลาการแข่งขัน “สิงโตน้ำเงินคราม” บุกไปเขี่ย เลสเตอร์ ด้วยสกอร์ 1-0 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปเลย