ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมือคืนวันที่ 29 มิ.ย. “ตาหมากรุก” โครเอเชีย พบกับ “กระทิงดุ” สเปน ที่ปาร์เก้น สเตเดี้ยม กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
เข้าสู่นาทีที่ 20 โครเอเชีย ขึ้นนำไปก่อนแบบมีโชคช่วย เนื่องจากผู้รักษาประตู อูไน ซิมอน รับคืนหลังพลาด จึงเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ เปดรี้ จบครึ่งแรก “ตาหมากรุก” ออกนำ 1-0 หลังจากนั้น สเปน ยิงแซง 3 ประตูรวดจาก ปาโบล ซาราเบีย ในนาทีที่ 38, เซซาร์ อัซปลิกวยต้า ในนาทีที่ 56 และ เฟร์ราน ตอร์เรส ในนาทีที่ 76 แต่ โครเอเชีย ไม่ยอมแพ้ไล่ทวงคืนได้จาก มิสลาฟ ออร์ซิช ในนาทีที่ 85 และ มาริโอ ปาซาลิช ในนาทีที่ 90 หมดเวลา 90 นาที เสมอ 3-3 จึงต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีเพื่อตามหาผู้ชนะ และเป็นฝ่าย “กระทิงดุ” ซัดเพิ่มได้อีก 2 เม็ดจาก อัลบาโร่ โมราต้า ในนาทีที่ 100 ปิดท้ายด้วย มิเกล โอยาร์ซาบาล ในนาทีที่ 103 ครบ 120 นาที สเปน เอาชนะ 5-3 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง ฝรั่งเศส กับ สวิตเซอร์แลนด์
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
โครเอเชีย: โดมินิค ลีวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, โดมากอย วีด้า, ดูเยา ชาเลต้า-ซาร์, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาเตโอ โควาชิช – นิโกล่า วลาซิช, บรูโน่ เพ็ตโควิช, อันเต้ เรบิช
สเปน: อูไน ซีม่อน – เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, เอริก การ์เซีย, เอเมอริค ลาปอร์ก, โฆเซ่ กาย่า – โกเก้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เปดรี้ – เฟร์ราน ตอร์เรส, อัลบาโร่ โมราต้า, ปาโบล ซาราเบีย