วันที่ 16 ธันวาคม 2563 เวลา 12.00 น. ณ ห้องประชุม 127 ราชมังคลากีฬาสถาน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าว Meet the Warriors ก่อนการแข่งขัน โตโยต้า ไทยลีก 2020 นัดที่ 15 และ การแข่งขัน M-150 แชมเปี้ยนชิพ นัดที่ 17 ขึ้น

สำหรับงานแถลงข่าวครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณวรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการ บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวว่า “เราเองก็ทราบกันดีว่าปีนี้เป็นปีที่ไม่ปกติ เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้การแข่งขันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป เชียงรายต้องเดินทางไปแข่งที่กาตาร์ และต้องเล่นให้ครบตามที่ AFC กำหนด พอเราทราบ ก็ได้หารือร่วมกับเชียงราย ว่าจะแข่งขันอย่างไรดี เพื่อให้พวกเขาได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ตอนแรกมีการเสนอให้แข่งเดือนตุลาคมที่มีฟีฟ่าเดย์ แต่ทางเชียงรายนั้นยังไม่สะดวกนัก ที่สุดแล้วก็มาลงตัวในเดือนพฤศจิกายน ที่พวกเขาพบกับโปลิศ เทโร, เมืองทอง และสุโขทัย ซึ่งทั้ง 3 สโมสรก็ให้ความร่วมมืออย่างดีในการเล่นกลางสัปดาห์ ซึ่งในความเป็นจริง พวกเขาก็คงไม่อยากเจอโปรแกรมที่แน่นนัก”

“ก่อนเชียงรายเดินทางไปแข่ง เราได้พูดคุยกันถึงเรื่องสถานที่กักตัว เพราะเมื่อไปแข่งต่างประเทศ ตามมาตรการของศบค. พวกเขาต้องกักตัว 14 วัน ทางเชียงรายเองก็พยายามหาสถานที่กักตัวที่สามารถฝึกซ้อมเบาๆ ได้ ซึ่งเราก็ยินดี จึงเป็นที่มาว่า เมื่อพวกเขาออกจากสถานที่กักตัวแล้ว ซึ่งตอนแรกเราคาดไว้ว่าพวกเขาจะออกมาในวันที่ 19 ธันวาคม แต่เมื่อเป็น 20 ธันวาคม คุณเบนจามิน ก็คุยกับทางเชียงรายอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะเลือกวันที่ 22 ธันวาคม”

“ต่อมา ทางเชียงรายส่งหนังสือมา ว่าพวกเขาไม่พร้อมลงสนาม เนื่องจากไม่ได้ซ้อมเลย ทางเราเองก็เข้าใจในเหตุผลและความจำเป็น แต่มันก็มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ ที่ทำให้วันนี้ยังคงต้องเตะในวันที่ 22 ธันวาคม ก็เพราะการที่เราต้องส่งรายชื่อสโมสรที่ได้แข่งเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แก่ AFC โดย บีจี ปทุม กับ การท่าเรือ เราส่งไปเรียบร้อย เพราะพวกเขาได้เล่นในรอบแบ่งกลุ่มแล้ว ส่วนอีก 2 ทีมคือ เชียงราย กับ ราชบุรี ที่คะแนนเท่ากันตอนนี้ เราจึงต้องจัดการแข่งขันเพื่อให้ทราบผลว่าใครเป็นอันดับ 3 หรือ 4 แล้วอันดับก็มีผลต่อการแข่งขัน เพราะทีมอันดับ 3 จะลงแข่งรอบคัดเลือกนัดเดียว แต่อันดับ 4 ต้องเล่น 2 นัด ฉะนั้นแล้ว อันดับ 4 จะเสียเปรียบเล็กน้อย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง”

“อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องการขึ้นทะเบียนนักกีฬาในเลกที่ 2 ในวันที่ 23 ธันวาคม เราจะมีการขึ้นทะเบียนนักกีฬาแล้ว ราชบุรีเองถ้าลงเล่นตามปกติ ก็จบไป ส่วนเชียงราย หากเราตอนเลื่อนแข่งหลัง 22 ธันวาคม นั่นแปลว่านักกีฬาของพวกเขาจะเป็นอีกชุด หลายคนอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ทุกรายละเอียดมีความสำคัญต่อผลการแข่งขันทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือเติมนักกีฬาเข้าไป ถึงเราไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะดีไม่ดี แต่ก็เป็นเรื่องของความไม่สอดคล้องต่อเกมเลกแรก”

“อีกเรื่องคือเรื่องผลกระทบ ถ้าเชียงรายนำเกมไปเล่นเลกที่ 2 มันจะมีผลต่อโปรแกรมการแข่งขัน เดิมทีเราวางโปรแกรมลีกให้จบภายในวันที่ 3 เมษายน แต่เมื่อ AFC ประกาศโปรแกรมการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ขึ้นมาใหม่ ทำให้เราต้องตัดจบการแข่งขันให้เร็วขึ้น เป็นวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งมันมีผลกระทบแน่นอนกับทีมในไทยลีก เพราะตอนนี้มีเกมกลางสัปดาห์ถึง 3 สัปดาห์ และหากเชียงรายขยับออกมา ก็อาจจะเพิ่มโปรแกรมกลางสัปดาห์เข้าไปอีก”

“และเมื่อมีเกมกลางสัปดาห์เพิ่มขึ้น ก็จะมีปัญหาในเรื่อง VAR ตามมา จากเดิมเราจะใช้ช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งมันสามารถกระจายการใช้ได้ แต่เมื่อเป็นกลางสัปดาห์ มันไม่สามารถใช้ได้เพียงพอ จนทำให้เกิดคำถามว่าจะใช้เกมใด ทำให้คณะกรรมการจัดการแข่งขันต้องหารือกัน ทั้งตัวแทนนักกีฬา ตัวแทนสโมสรจากทุกลีก จนมีข้อสรุปว่า เกมกลางสัปดาห์จะมีการปรับวันแข่งขันเป็น วันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี เพื่อให้ทีมได้รับผลกระทบจาก VAR น้อยที่สุด”

“ซึ่งนี่เป็นเหตุผล 3 ข้อหลักๆ ที่ทำให้เราต้องยืนยันให้ สิงห์ เชียงราย กับ การท่าเรือ ต้องแข่งขันในวันที่ 22 ธันวาคม ตามเดิมไปก่อน เพราะเรื่องนี้มันกระทบทั้งหมด ไม่ใช่แค่สโมสรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มันยังรวมถึงเชียงรายเอง ที่อาจต้องเจอผลกระทบจากเกมที่อัดแน่นขึ้น แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นการเลื่อนโปรแกรมแต่อย่างใด”

“เราเองเคยได้รับฟีดแบ็คจากแฟนบอลในเรื่องเกมกลางสัปดาห์ว่า เพราะมีเกมกลางสัปดาห์มาก แฟนบอลก็เข้าสนามน้อย ผลกระทบก็เกิดกับสโมสรที่ต้องลงเล่นถี่ แฟนบอลเองก็ไม่มีกำลังซื้อที่จะเข้ามาชมเกมช่วงนี้ เพราะอาจติดภาระจากการงาน หรือเรื่องอื่นๆ แต่เราก็ต้องดูความคิดเห็นจากสโมสรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่าคิดเห็นอย่างไร กับโปรแกรมที่อาจเปลี่ยนแปลงไป หรือจะมีผลกระทบอะไรในอนาคตหรือไม่ด้วยเช่นกันครับ”