เซบีญาผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ด้วยการเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ไปแบบหวุดหวิด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เฉือน โคเปนเฮเก้น มา 1-0
เซบีญา ที่เป็นทีมที่ครอบครองความสำเร็จในยูโรป้า ลีก ในช่วงหลังได้เยอะมาก และตอนนี้พวกเขาก็ครองสถิติ คว้าแชมป์ไปครองมาแล้ว 5 สมัย
โดย 3 ครั้งติดต่อกัน เกิดขึ้นในสมัยที่ อูไน เอเมรี เป็นเฮดโค้ชในช่วงปี 2014-16 แต่ ลอส ปาลังกานาส ต้องลืมความผิดหวังจากฤดูกาลล่าสุด หลังพวกเขาพลาดท่าพ่ายต่อ สลาเวีย ปราก ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
แต่ทีมจาก ลาลีกา คงลืมความผิดหวังได้ดี เมื่อพวกเขาผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ ด้วยการไม่แพ้ใครมา 19 นัดติดต่อกันในทุกรายการ และทีมของ ฆูเลน โลเปเตกี ก็เก็บชัยชนะได้ 7 จาก 8 เกมหลังสุด
เซบีญา อาจจะเอาชนะ วูล์ฟ แต่เรื่องราวคงเปลี่ยนไป หาก ราอูล ฆิเมเนซ ซัดจุดโทษไม่พลาด และประตูที่ 17 ของลูคัส โอคัมโปส ในฤดูกาลนี้ ที่เกิดขึ้นในนาที 88 ก็ทำให้พวกเขาผ่านคืนนั้นมาได้
การจบอันดับ 4 ในลาลีกาฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ โลเปเตกี มั่นใจได้แล้วว่า พวกเขาจะไดเเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ แต่การคว้าแชมป์ จะทำให้ เซบีญา มีความมั่นใจต่อยอดไปถึงฤดูกาลหน้า ในการสู้เพื่อลดช่องว่างจาก 2 ทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด
ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองก็ได้ไปเล่นฟุตบอลรายการใหญ่ของยุโรป ในฤดูกาลหน้า แต่ โอเล กุนนาร์ โซลชา เองก็ต้องการคว้าแชมป์มาครองให้ได้เช่นกัน
สถานการณ์ของปีศาจแดง ก็ไม่ต่างจาก เซบีญา หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม นับตั้งแต่ รีสตาร์ท กลับมา หลังพวกเขาแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 24 เกมหลังสุด และที่ผ่านมา ก็ผ่าน แอลเอเอสเค และ โคเปาเฮเก้น มาได้
และเป็นอีกครั้งที่ บรูโน แฟร์นานเดส ยังระเบิดฟอร์มเก่ง เป็นฮีโร่ ของโซลชา หลังจากที่ไม่สามารถเจาะแนวรับได้ โดยเฉพาะ คาร์ล โยฮัน ยอห์นส์สัน ที่ทำให้พวกเขาต้องออกแรงเหนื่อย ก่อนเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้
โดยปีศาจแดง ก็เพิ่งคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองในฤดูกาล 2016/17 และพวกเขาก็ต้องการทำให้ได้ เหมือน 3 ปีที่ผ่านมา ในการเข้ารอบชิงชนะเลิศ และไปเอาชนะ อาแจ็กซ์ ที่เฟรนด์ส อารีนา ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สวีเดน
ซึ่งแชมป์รายการดังกล่าว ถือเป็นแชมป์รายการสุดท้ายที่พวกเขาทำได้ และหากปีศาจแดง ต้องการจะกลับสู่ความสำเร็จ การคว้าแชมป์รายการนี้ จะเป็นเหมือนการเริ่มต้นอีกครั้ง
ผู้ชนะในเกมนี้ จะเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง อินเตอร์ มิลาน หรือ ชัคตาร์ โดเนสต์ค ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะแข่งขันกันในวันที่ 21 สิงหาคม โดยอีกคู่นั้นจะแข่งขันในวันจันทร์
ความพร้อมของทั้งสองทีม
โลเปเตกี อาจจะใช้ 11 ตัวจริง เหมือนกับเกมที่พวกเขาเจอกับ วูล์ฟ ซึ่งหมายความ ยาสซีน บูนู ที่น่าจะได้เป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังเซฟจุดโทษของ ฆิเมเนซ
ขณะที่คู่กองหลัง ดีเอโก้ คาร์ลอส และ ฆูเลส คูนเด้ ที่มีข่าวเรื่องการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ แต่ทั้ง 2 คนน่าจะได้โอกาสลงไปรับมือ แฟร์นานเดส กับ นักเตะของแมนยู รายอื่น
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โซลชา อาจจะกลับไปใช้ทีมที่ดีที่สุดอีกครั้ง หลังจากทีพยายามทดสอบนักเตะรายอื่นๆ ที่ไม่ค่อยได้โอกาสเท่าไหร่ในช่วงรีสตาร์ท
นั่นหมายความ เนมานยา มาติช น่าจะได้กลับมาเป็นตัวจริง ในแดนกลางร่วมกับ ปอล ป็อกบา และทำให้ เฟร็ด ต้องกลับไปเป็นตัวสำรอง ขณะที่ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ก็น่าจะแทนที่ เอริค ไบยี ในเกมรับของแมนยู
แฟร์นานเดส, เมสัน กรีนวูด, แอนโธนี มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำประตูรวมกันไป 64 ประตู และ 23 แอสซิสต์ ในฤดูกาลนี้ แต่เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่สู้กับแนวรับของเซบีญา ได้สนุก
คาดการณ์ 11 ตัวจริง เซบีญา
บูนู, นาวาส, คาร์ลอส, คูนเด้, เรกีลอน, แฟร์นานโด, จอร์ดาน, บาเนก้า, ซูโซ่, เอน เนซีย์ริ, โอคัมโปส
คาดการณ์ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โรเมโร, วาน บิสซาก้า, ลินเดเลิฟ, แมคไกวร์, วิลเลียมส์, ป็อกบา, มาติช, กรีนวูด, แฟร์นานเดส, แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล
คาดการณ์ผลสกอร์ เซบีญา ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1
ทั้ง 2 ทีม ต่างเป็นทีมใหญ่ของทวีปยุโรป และมีนักเตะพรสวรรค์มากมายภายในทีม และมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ด้วยกันทั้งคู๋ โดย แมนยู มีเกมรุกที่พร้อมจะทำลายแนวรับของเซบีญา แต่เซบีญา ก็มีฟอร์มการเล่นที่น่าเหลือเชื่อ และมีสถิติที่ดีในการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ ทำให้เราเลือกทีมจากลาลีกา ที่น่าจะชนะแบบหวุดหวิด และเข้ารอบชิงชนะเลิศ ที่จะแข่งขันในวันศุกร์
