ติดต่อเรา
TH Ufabet TH Joker Free Spins Slotxo 3388 Reload 8%
5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา ยูฟ่ายูโรปาลีก

ยูฟ่ายูโรปาลีก

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา

2 ทีมใหญ่ต่างเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยุโรปถ้วยเล็กได้สำเร็จ

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อินเตอร์ มิลาน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ ในค่ำคืนที่น่าตื่นเต้น

โดย แมนยู เอาชนะโคเปนเฮเก้นไป 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่วน อินเตอร์ มิลาน เฉือน เลเวอร์คูเซฯ 2-1 โดยมีดราม่าจาก VAR เราได้เห็นอะไรบ้างจากเกมเหล่านี้

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา ยูฟ่ายูโรปาลีก

1. ลูกากู กลายเป็นขีปนาวุธ

ในฐานะนักฟุตบอลคนหนึ่งโรเมลู ลูกากู คือสัตว์ประหลาดคนหนึ่ง ทั้งร่างกายที่ใหญ่และมีพลัง แต่สไตล์การเล่นของเขา สามารถเอาชนะนักเตะตัวเล็กๆได้หลายคน เขามีเทคนิคการจบสกอร์ที่เฉียบคม แต่สัมผัสแรกของเขามักจะมีปัญหาในช่วงที่ย้ายมาอินเตอร์ แรก

แต่อันโตนิโอ คอนเต้ สนใจเรื่องร่างกายของเขา และนั่นคือสิ่งที่เหมาะกับการเป็นดาวยิง มากกว่าเป็นตัวพักบอล และด้วยเหตุนี้การปรับใช้เขา ในการปะทะกับกองหลังตัวสุดท้าย และกดดันได้อย่างต่อเนื่อง และมองหากระทำประตู และวิ่งเข้าทำ

นั่นคือสิ่งที่เขาทำได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูโรป้าลีก ด้วยการข่มใส่เลเวอร์คูเซน โดยเขายึดพื้นที่ตั้งแต่นาทีแรกเหนือแนวรับของ เลเวอร์คูเซน และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ นิโก้ บาเรลลา ยิงประตูแรก ก่อนที่ ลูกากู จะมาจบสกอร์ด้วยตัวเอง และมันแสดงให้เห็นถึงความฉลาดของ ลูกากู ในการสู้กัน 1 ต่อ 1 เขารู้ดีว่าหากสู้กันด้วยความเร็วเขาจะต้องแพ้ และแม้เขาจะล้มลงไป แต่ใจก็ยังสู้ก่อนจะยิงประตูผ่านมือ ลูคัส ฮราเดคกี้ย์ เข้าไป ทำให้อินเตอร์ นำห่างเป็นสองลูก

ประตูดังกล่าวทำให้เขายิงในเกมยุโรปไปแล้ว 6 นัดติดต่อกัน สำหรับ ดาวยิงชาวเบลเยียม ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่น่าเหลือซึ่งหากมองย้อนกลับไปอีก นี่เป็นการทำประตูนัดที่ 9 ติดต่อกันแล้วที่เขาทำประตูในยูโรป้า ลีกได้ ซึ่งจากสถิติ ลูกากู แสดงให้เห็นเลยว่า เลเวอร์คูเซน ไม่สามารถหยุดเขาได้ และยังโชคดีที่ VAR ริบประตูคืนไป 2 ครั้ง และน่าจะทำให้ หัวหอกชาวเบลเยียม ทำแฮตทริก และเรียกจุดโทษให้กับ อินเตอร์

ลูกากู ทำผลงานได้โดดเด่นมาก ในการบังบอล และยังเผลอไปกันบอลฝ่ายเดียวกันอีก

เมื่อพิจารณาถึงจำนวนทัวร์นาเมนต์ที่เตะในช่วงซัมเมอร์ ลูกากู กลายเป็นดาวยิงยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ที่ทำผลงานได้ร้อนแรง และแสดงให้เห็นว่า กองหน้าชาวเบลเยียม ทำได้ดีมากแค่ไหน และนี่เป็นประตูที่ 31 ของเขาแล้วกับอินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาล 2019/20 และ ลูกากู อาจจะมีส่วนพา อินเตอร์ คว้าแชมป์ยูโณป้า ลีก

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา ยูฟ่ายูโรปาลีก

2. คาร์ล โยฮัน ยอห์นส์สัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีหนึ่งคืที่ยากลำบากในการเจอกับ โคเปนเฮเก้น แต่ในขณะที่พวกเขามีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ มีชายอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า คาร์ล โยฮัน ยอห์นส์สัน ซึ่งชื่อนี้อาจจะไม่มีใครคุ้นหู แต่คนคงจำชื่อนี้ไปอีกนาน สำหรับฟอร์มการเล่นของมือกาวชาวสวีดิช และอาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เขาได้ย้ายไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก

มันอาจจะคิดว่ามันเป็นการพูดเกินจริง แต่สำหรับ แมนยู จอห์นส์สัน สร้างปัญหาให้กับ แมนยูเป็นอย่างมาก หลังหยุดจังหวะยิงของ แมนยู ได้เกือบทุกจังหวะ ราวกับมีเวทย์มนตร์มาช่วย ก่อนที่จะมาโดนจุดโทษของ บรูโน แฟร์นานเดส ที่ผ่านมือเขาไปจนได้ แม้สุดท้าย ทีมของเขาจะแพ้ แต่ฟอร์มของเขาก็สุดยอดมาก ดูได้จาก บรูโน ที่ปกติ จะมีเทคนิค การยิงจุดโทษ ด้วยการกระโดด ก็เลือกที่จะกดเต็มข้อ

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา ยูฟ่ายูโรปาลีก

3. อินเตอร์ ที่พยายามเป็นอินเตอร์

อินเตอร์ ถูกจับมาเผชิญหน้ากับ เลเวอร์คูเซน มันเป็นเรื่องตลก เพราะทั้ง 2 ทีม ต่างถูกตราหน้าว่าล้มเหลว จำได้ไหมว่า เลเวอร์คูเซน เคยแพ้ 3 เกม จนทำให้เทรเบิ้ลแชมป์ในปี 2001 ของพวกเขาหลุดลอยไป ทั้ง แชมเปี้ยนส์ลีก, เดเอฟเบ โพคาล รวมถึง บุนเดสลีกานัดสุดท้าย จณะที่ อินเตอร์ ก็เคยแพ้ต่อมิเลานในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยประตูทีมเยือน

คำถามก็คือการเจอกันครั้งนี้ ฝ่ายไหนจะรับมือกับปัญหาได้ดีกว่ากัน และสุดท้ายคำตอบก็คือ อินเตอร์ ใช่ เลเวอร์คูเซนแพ้ แต่แค่ทีมที่ดีกว่าเอาชนะเขา และใช้ อนิตเอร์ ชนะ แต่มันก็เป็นเรื่องธรรม แม้ว่าผลงานจะไม่ต่าง และสกอร์ ก็ออกมาสูสี

แชละเช่นเดียวกัน โรเมลู ลูกากู ไม่ได้เล่นได้ดี เขามีโอกาสไปเพียง 1 ประตู จาก 2 ที่ทีมได้มา หลายครั้งที่พวกเขาปล่อยให้ เลเวอร์คูเซน มีโอกาส และไม่สามารถครองเกมได้ สุดท้าย พวกเขาก็เอาตัวรอด แต่ในรอบรองชนะเลิส หรือ รอบชิงชนะเลิศ พวกเขาจะต้องทำให้ดีกว่านี้ “การสร้าง อินเตอร์” ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ มีคุณภาพดีขึ้นมาก แต่เห็นว่า นิสัยเก่าๆ มันยังคงไม่หาย

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา ยูฟ่ายูโรปาลีก

4. Case Study : จาดอน ซานโช

โคเปนเฮเก้ ลาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ไปเล่นถึง ช่วงต่อเวลาพิเศษ แสดงให้เห็นว่าเกมรับของทีมจากเดนมาร์กทำได้ดีมาก แต่ขณะเดียวกัน ปีศาจแดงก็ยังทำได้ไม่ดีพอ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า แมนยู กำลังต้องการ จาดอน ซานโช จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพื่อยกระดับทีม เพราะดาวรุ่งรายนี้ สำคัญอย่างมากสำหรับทีมของโซลชา

สิ่งหนึ่งที่โคเปนเฮเก้น รู้ดี คือ ปีกของ แมนยู ไม่ใช่ปีกแบบธรรมชาติ และมักจะตัดเข้ากลาง และให้ ฟูลแบ็คของแมนยู ที่เล่นเกมรุกได้ไม่ดี เล่นบอลได้ตามสบาย ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดพื้นที่ว่างด้านข้าง และไม่จำเป็นต้องยืนขวาง แค่รอให้บอลเปิดเข้ามา พวกเขาก็ไม่ต้องทำอะไรมาก ดังนั้น แมนยู จึงต้องเจาะในพื้นที่แคบ ดึงตัวทุกคนไปในพื้นที่แคบๆ และ แมนยู ก็จะพยายามสร้างปาฏิหารย์ จากพื้นที่เหล่านั้น

ตอนนี้ แมนยู มีนักเตะที่กำลังทำผลงานได้ดี อย่าง อองโธนี มาณืกซิยาล ที่เกือบทำประตูได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ รวมถึง ตัวสำรองอย่าง ฆวน มาต้า ที่สามารถลงมาเติมความสด แต่ ชาวสแปนิช ก็ไม่ได้ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกครั้ง ที่เขาเล่นราวกับอยู่ตรงกลาง

การมี ซานโช จะทำให้พวกเขามีมิติในการโจมตีจากปีกธรรมชาติมากขึ้น มันไม่ใช่แค่พรสวรรค์ในการเล่นรุกที่ดีอย่างเดียว แต่ คุณสามารถจับซานโช ไปเล่นทางขวา และเมื่อโคเปนเฮเก้น เปิดช่อง มันก็ง่ายที่จะเจาะในพื้นที่ตรงนั้น นอกจากนี้ ซานโช ยังเอาชนะ การดวลกัยตัวตัวตัว และทำให้ เกมรับมีช่องว่างเพิ่มขึ้น สำหรับนักเตะคนอื่น

เมื่อมองไปที่รายละเอียดแล้ว ตำแหน่งของเขา คือการเล่นตัวบน แต่ จาดอน ซานโช สามารถเพิ่มมิติให้กับเกมรุกของ แมนยูได้อย่างแท้จริง

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ที่ผ่านมา ยูฟ่ายูโรปาลีก

5. เวทมนตร์ของมาร์กซิยาล

ในขณะที่ อดีตกองหน้าหมายเลข 9 ของแมนยู ยิงประตูให้อินเตอร์ ได้อย่างต่อเนื่องจนพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก เบอร์ 9 คนปัจจุบันของพวกเขาก็กำลังฟอร์มร้อนแรงเช่นกัน และมีส่วนช่วยให้ แมนยู เข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก

มาร์กซิยาล เป็นกองหน้ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ ยุค 90 แม้เขาจะดูเงียบ แต่เขาก็พร้อมที่จะสลัดตัวประกบทุกเมื่อและเขาก็มีโอกาสทำประตูได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะโดนรุมบล็อคอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การวิ่ง การเคลื่อนที่ของหัวหอกชาวเฟรนช์แมน เต็มไปด้วยพลัง และในช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่นักเตะของโคเปนเฮเก้น เริ่มล้า แต่มาร์กซิยาล ดูเหมือนกับเด็ก ที่ยังพร้อมสร้างความแตกต่างอยู่ตลอดเวลา เขาสามารถเก็บบอลได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะยืนตรงไหน และสร้างปัญหาให้กับ แนวรับ ของโคเปนเฮเก้น ได้คลอดเวลา และยังพร้อมสร้างพื้นที่ว่างอยู่เสมอ

ถ้าโอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นโกคาร์ท คาริม เบนเซม่า เป็น ฟอร์มูล่า วัน อองโธนี มาร์กซิยาล ก็เป็นเหมือน F-22 แรปเตอร์ ซึ่งอยู่ในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ ปาฏิหารย์ของ จอห์นส์สัน ที่ป้องกัน มาร์กซิยาล ที่ควรจะทำแฮตทริกในเกมนี้ แต่สุดท้าย ดาวเตะเฟรนช์แมน ก็เรียกจุดโทษให้ แมนยูชนะในเกมนี้ได้ โดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี ชื่นชมเขาในขณะถ่ายทอดสดว่า เขารู้เสมอว่าต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อคุณเล่นเป็นกองหน้า และ เขาก็สร้างความประทับใให้กับ คนที่มีพรสวรรค์เหมือนกัน อย่าง ฟาน เพอร์ซี

“ทั้งเร็ว และ พลิ้วไหว” คือคำจำกัดความสำหรับเขา “ผมคิดว่าเขาคือนักเตะระดับโลก” และคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ นักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมจะค้นหาฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองเจอ

ยูโร-2020

อ่านเพิ่มเติมใน ยูฟ่ายูโรปาลีก